แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยหลอกลวงพาผู้เสียหายไปเพื่อลักทรัพย์หรือชิงทรัพย์ เมื่อพาไปถึงที่เกิดเหตุ จำเลยให้ผู้เสียหายนั่งรออยู่ก่อน ยังมิทันได้กระทำการอันใดที่จะถือได้ว่าลงมือลักทรัพย์ก็มีตำรวจมาค้นและจับจำเลยไปเสียก่อน เช่นนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดฐานพยายามลักทรัพย์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยพยายามชิงทรัพย์ผู้เสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ข้อ ๑๔ และฉบับที่ ๑๖๓ ข้อ ๑
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นเพียงพยายามลักทรัพย์ พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๔ ประกอบด้วยมาตรา ๘๐ จำคุก ๑ ปี คำให้การชั้นสอบสวนมีประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้ ๑ ใน ๓ คงจำคุก ๘ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยยังมิได้ลงมือกระทำความผิด พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า วันเกิดเหตุเวลาบ่าย ผู้เสียหายกำลังคอยรถยนต์โดยสารที่สี่แยกพาหุรัด จำเลยเข้าไปหาแล้วกล่าวหาว่าผู้เสียหายชกต่อยน้องชายจำเลย ขอให้ไปพบน้องชายจำเลยที่วัดสุทัศน์ฯ เพื่อชี้ตัว ระหว่างทางผู้เสียหายเอานาฬิกาข้อมือใส่กระเป๋ากางเกงไว้และมีเงินอยู่ ๕๐ บาท เมื่อไปถึงหลังโบสถ์วัดสุทัศน์ฯ ผู้เสียหายกับจำเลยนั่งคอยอยู่ราว ๑๐ นาที มีตำรวจมาพบและค้นตัวคนทั้งสอง ผู้เสียหายจึงเล่าเรื่องให้ฟัง ตำรวจจึงจับจำเลย เมื่อสอบถามจำเลย จำเลยก็รับว่าจำเลยกับพวกลวงผู้เสียหายมาเพื่อชิงทรัพย์
วินิจฉัยว่า การที่ผู้เสียหายไปที่หลังโบสถ์วัดสุทัศน์ฯ นั้น ถึงหากจะฟังว่าเป็นเพราะจำเลยหลอกลวงให้ผู้เสียหายไปเพื่อจำเลยกับพวกจะลักทรัพย์หรือชิงทรัพย์แต่เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ จำเลยให้ผู้เสียหายนั่งรออยู่ก่อน แล้วจำเลยยังมิทันได้กระทำการอันใดที่จะถือได้ว่าลงมือกระทำการลักทรัพย์ ก็มีตำรวจมาค้นตัวและจับจำเลยไปเสียก่อน เช่นนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานพยายามลักทรัพย์ผู้เสียหายดังที่โจทก์ฎีกา
พิพากษายืน.