แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์กับนางหน่วงผู้ตายมิได้เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันปลอมลายพิมพ์นิ้วมือนางหน่วงลงในสัญญากู้ แล้วนำสัญญากู้เอกสารสิทธิปลอมไปยื่นฟ้องต่อศาล ไม่ใช่จำเลยสมคบกันปลอมลายพิมพ์นิ้วมือของโจทก์ในสัญญากู้นั้น โจทก์จึงไม่เป็นบุคคลได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดของจำเลยตามที่โจทก์ฟ้อง การที่โจทก์ถูกยึดทรัพย์เพราะการกระทำของจำเลย โจทก์ก็ชอบที่จะไปดำเนินคดีในทางแพ่งได้ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยได้
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 สมคบกันทำเอกสารสัญญากู้อันเป็นเอกสารสิทธิ โดยการพิมพ์จากนิ้วมือของผู้อื่นซึ่งมิใช่ลายมือนางหน่วง ปานนุ่ม ลงในช่องผู้กู้เป็นลายพิมพ์นิ้วมือของนางหน่วง ปานนุ่น ผู้ตายอันเป็นภริยาของโจทก์ แล้วนำสำเนาเอกสารสัญญากู้นั้นมายื่นฟ้องจำเลยที่ 5 เรื่องกู้ยืมต่อศาลจังหวัดปากพนัง และใช้อ้างต่อศาลด้วย เพื่อให้หลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง เป็นเหตุให้ศาลจังหวัดปากพนังทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยให้จำเลยที่ 5 ยอมใช้เงินให้จำเลยที่ 1 ศาลได้พิพากษาตามยอม ต่อมาจำเลยที่ 1 นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์โจทก์เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 268, 83, 84
ก่อนศาลจะมีคำสั่งเรื่องฟ้องโจทก์ ศาลได้สอบโจทก์ว่าโจทก์กับนางหน่วง ปานนุ่น ได้จดทะเบียนสมรสกันหรือไม่ ให้โจทก์นำหลักฐานมาแสดง โจทก์ยื่นคำแถลงว่าโจทก์กับนางหน่วง ปานนุ่น ผู้ตายได้เสียเป็นสามีภริยากันมาประมาณ 20 ปี โดยมิได้จดทะเบียนสมรสได้ครอบครองที่ดินซึ่งถูกจำเลยที่ 1 นำยึดร่วมกันมา
ศาลชั้นต้นพิจารณาคำฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายทั้งทางพฤตินัยและนิตินัย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง จึงมีคำสั่งไม่รับประทับฟ้องของโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์กับนางหน่วงผู้ตายได้เสียเป็นสามีภริยากันประมาณ 20 ปีมานี้ ก็ตกราว พ.ศ. 2488 โดยมิได้จดทะเบียนสมรส จึงไม่เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย เพราะเป็นระยะเวลาภายหลังวันที่ 1 ตุลาคม 2478 ที่ประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 แล้ว การสมรสที่ไม่จดทะเบียนจึงไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันปลอมลายพิมพ์นิ้วมือนางหน่วง ปานนุ่น ลงในสัญญากู้ แล้วนำสัญญากู้เอกสารสิทธิปลอมไปยื่นฟ้องต่อศาล ไม่ใช่จำเลยสมคบกันปลอมลายพิมพ์นิ้วของโจทก์ในสัญญากู้ โจทก์จึงไม่เป็นบุคคลที่ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดของจำเลยตามที่โจทก์ฟ้อง การที่โจทก์ถูกยึดทรัพย์เพราะการกระทำของจำเลย โจทก์ก็ชอบที่จะไปดำเนินคดีในทางแพ่งได้ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยได้
พิพากษายืน