แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยส่งมอบการครอบครองพร้อมจดทะเบียนโอนเปลี่ยนชื่อในที่ดินจากชื่อจำเลยเป็นชื่อ ส. มิฉะนั้นให้ถือคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย หากไม่สามารถจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อได้ให้จำเลยคืนเงิน 1,350,000 บาท แก่โจทก์ ดังนี้ การชำระหนี้ต้องเป็นไปตามลำดับในคำพิพากษา มิใช่กรณีให้สิทธิจำเลยเลือกชำระหนี้ดังที่บัญญัติไว้ใน ป.พ.พ. มาตรา 198, 199 เมื่อการจดทะเบียนโอนเปลี่ยนชื่อในที่ดินไม่อาจปฏิบัติได้ เพราะกรมที่ดินไม่อนุญาตเนื่องจากเป็นการถือครองที่ดินแทนสามีคนต่างด้าว และไม่เข้าเงื่อนไขการได้มาซึ่งที่ดินของคนต่างด้าวตามประมวลกฎหมายที่ดิน จึงต้องขายทอดตลาดที่ดินพิพาทแล้วนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยส่งมอบการครอบครองพร้อมจดทะเบียนโอนเปลี่ยนชื่อในที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 2291เนื้อที่ 19 ไร่ 2 งาน 47 ตารางวา จากชื่อจำเลยเป็นชื่อนางสาวสุวรรณามิฉะนั้นให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย หากไม่สามารถจดทะเบียนชื่อได้ ให้จำเลยคืนเงิน 1,350,000 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 30,000 บาท แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์ขอหมายบังคับและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 2291 เพื่อนำออกขายทอดตลาด
จำเลยยื่นคำร้องว่า การยึดที่ดินพิพาทไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นการดำเนินการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งประมวลฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27, 271, 272 และมิได้บังคับคดีไปตามลำดับของคำพิพากษา ขอให้เพิกถอนการยึดที่ดินดังกล่าว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งและยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับ
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งว่า คำร้องของจำเลยมิใช่เป็นการทุเลาการบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 231 แต่พอแปลได้ว่าเป็นการขอคุ้มครองประโยชน์ของจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 พิเคราะห์แล้ว คดีไม่มีเหตุสมควรงดการขายทอดตลาดที่ดินตามคำร้องให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า มีเหตุสมควรที่จำเลยจะได้รับการคุ้มครองประโยชน์ของจำเลยในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยส่งมอบการครอบครองพร้อมจดทะเบียนโอนเปลี่ยนชื่อในที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 2291 จากชื่อจำเลยเป็นชื่อนางสาวสุวรรณามิฉะนั้นให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย หากไม่สามารถจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อได้ให้จำเลยคืนเงิน 1,350,000 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย ดังนี้ การชำระหนี้ต้องเป็นไปตามลำดับในคำพิพากษา มิใช่กรณีให้สิทธิจำเลยเลือกชำระหนี้ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 198, 199 เมื่อการจดทะเบียนโอนเปลี่ยนชื่อในที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโย่ชน์เลขที่ 2291 ไม่อาจปฏิบัติได้ เพราะกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทยไม่อนุญาต เนื่องจากเป็นการถือครองที่ดินแทนสามีคนต่างด้าว และไม่เข้าเงื่อนไขการได้มาซึ่งที่ดินของคนต่างด้าวตามที่กำหนดไว้ในหมวด 8 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน จึงต้องดำเนินการขายทอดตลาดที่ดินพิพาททั้งหมดแล้วนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่า คดีไม่มีเหตุสมควรงดการขายทอดตลาดที่ดินพิพาทและมีคำสั่งให้ยกคำร้องนั้น ชอบแล้ว”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ