คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 905/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกู้เงินโจทก์ไปซื้อรถยนตร์แล้วโจทก์ยอมรับโอนรถยนตร์จากจำเลยดังนี้ เท่ากับโจทก์ยอมรับชำระหนี้อย่างอื่นแทนหนี้สินระหว่างโจทก์จำเลยตามหนังสือสัญญากู้เงินย่อมระงับสิ้นไปแม้หนังสือสัญญากู้เงินจะอยู่กับโจทก์ โดยยังมิได้คืนโจทก์ก็นำมาฟ้องไม่ขึ้น จำเลยนำสืบด้วยพยานบุคคลได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่8/2497)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำหนังสือสัญญากู้เงินโจทก์ไป 25,000 บาทจำเลยผิดนัดไม่ชำระต้นเงินและดอกเบี้ยจึงขอให้จำเลยชำระต้นเงินกู้และดอกเบี้ย 34,843 บาท

จำเลยต่อสู้ว่า ได้กู้เงินโจทก์ไปจริงตามสำเนาสัญญาท้ายฟ้องแต่เงินรายนี้จำเลยได้ใช้ให้โจทก์แล้วโดยจำเลยได้ให้บริษัทนาครพาณิชจำกัด โอนรถยนต์ด๊อดจ์เลขหมายทะเบียน ข 0093 ซึ่งจำเลยได้ซื้อจากบริษัทนาครพาณิช จำกัดโดยวิธีผ่อนส่งให้แก่โจทก์ ถือได้ว่าโจทก์ยอมรับชำระหนี้อย่างอื่นแทนการชำระหนี้ที่ได้ตกลงกันไว้หนี้นั้นเป็นอันระงับสิ้นไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 แม้โจทก์จะมิได้เวนคืนสัญญากู้ให้จำเลยก็ดี แต่การชำระหนี้รายนี้มีหนังสือโต้ตอบกันเป็นหลักฐาน ย่อมเป็นการเลิกล้างเอกสารกู้ได้ตามมาตรา 653 วรรค 2

ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยได้ทำหนังสือสัญญากู้เงินโจทก์ครั้งเดียวเพื่อชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์ด๊อดจ์แก่บริษัทพาณิชย์จำกัดแทนจำเลย และจำเลยได้โอนรถยนต์ที่จำเลยเช่าซื้อให้แก่โจทก์เป็นการชำระหนี้ รายที่โจทก์ชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์แทนจำเลย หนี้สินระหว่างโจทก์จำเลยเป็นอันระงับ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ฟังว่า หนี้เงินกู้ตามหนังสือสัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้องนี้เป็นหนี้เงินกู้ที่โจทก์ทดรองชำระราคารถยนต์แทนจำเลยหาใช่เงินกู้อีกจำนวนหนึ่งไม่ ในเวลาต่อมา โจทก์จำเลยได้ตกลงกันโอนรถยนต์ ซึ่งตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยตามสัญญาเช่าซื้อให้แก่โจทก์ แล้วจำเลยได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์คันนี้จากโจทก์เป็นเงินราคา 31,000 บาท เท่ากับจำนวนเงินที่โจทก์ทดรองแทนจำเลยไป26,000 บาท บวกกับดอกเบี้ยและค่านายหน้า หนี้เดิมจึงเป็นอันระงับโจทก์หมดสิทธิฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้ถึงแม้สัญญากู้อยู่ที่โจทก์และยังมิได้ปฏิบัติตามที่ได้บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรค 2 ก็ตาม โจทก์ก็มีสิทธิใหม่ตามสัญญาเช่าซื้อเท่านั้น พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ฝ่ายจำเลยมีพยานบุคคลเบิกความประกอบพยานเอกสารหลายฉบับฟังได้ว่าจำเลยได้ทำหนังสือสัญญากู้เงินครั้งเดียวเพื่อนำไปเช่าซื้อรถยนต์ และได้ชำระหนี้ให้โจทก์เสร็จสิ้นแต่โจทก์ยังมิได้คืนหนังสือสัญญากู้ให้จำเลยไม่ได้ทำหนังสือสัญญากู้เงินโจทก์อีกเลย โจทก์จะทำหนังสือสัญญากู้เงินที่โจทก์ยอมรับชำระหนี้อย่างอื่นจากจำเลยมาฟ้องจำเลยอีกหาได้ไม่ แม้หนังสือสัญญากู้จะอยู่กับโจทก์ โดยโจทก์มิได้คืนให้จำเลยก็ตาม หนี้สินระหว่างโจทก์จำเลยตามหนังสือสัญญากู้เงินที่โจทก์ยึดไว้ และนำมาฟ้องนี้ได้ระงับไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 แล้ว

พิพากษายืน

Share