คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 905/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำสั่งอันเกี่ยวกับการบังคับคดีนั้น หาใช่เป็นคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดคดี หรือในประเด็นข้อใดแห่งคดีตามนัยแห่ง มาตรา 143,144 ป.ม.วิ.แพ่งไม่, ศาลอาจแก้ไขคำสั่งอันเกี่ยวกับการบังคับคดีนี้ได้ตามที่เห็นสมควร.

ย่อยาว

คดีนี้ ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้เงินโจทก์ โจทก์ได้นำยึดเรือน ๑ หลังขายทอดตลาด นางสุรางค์เป็นผู้ซื้อได้ แต่ทางอำเภอไม่ยอมโอน โดยอ้างว่า เรือนรายนี้ จำเลยได้ขายให้นายพรหมไปแล้ว นายพรหมยื่นคำร้องขอให้งดการโอนกรรมสิทธิเรือนไว้ก่อน เพื่อจะได้ดำเนินคดีว่ากล่าวกับผู้ต้องรับผิดต่อไป และนายพรหมได้ยื่นฟ้องโจทก์และจำเลยในคดีนี้ ให้ร่วมกันรับผิดชอบตามสำนวนคดีดำที่ ๙๑๑/๒๔๙๑ นางสุรางค์ยื่นคำแถลงว่า นายพรหมไม่มีสิทธิขอให้ระงับการโอนเพราะนางสุรางค์ได้สิทธิ ตามมาตรา ๑๓๓๐ ป.ม.แพ่งฯ แล้ว ศาลชั้นต้นสั่งให้ระงับการโอนไว้ก่อน เพื่อรอฟังผลในคดีดำที่ ๙๙๑/๒๔๙๑
ต่อมานางสุรางค์ยื่นคำร้องว่า การที่นายพรหมฟ้องคดีผลเท่ากับร้องขัดทรัพย์ ซึ่งจะต้องร้องต่อศาลก่อนขายทอดตลาด คือขอให้ศาลสั่งโอนเรือนให้แก่ผู้ร้องซึ่งเป็นของผู้ซื้อโดยสุจริต ศาลชั้นต้นนัดพร้อมแล้ว มีคำสั่งว่า นางสุรางค์ผู้ซื้อเรือนนี้ด้สิทธิตามมาตรา ๑๓๓๐ สั่งให้โอนกรรมสิทธิให้เป็นของผู้ร้องต่อไป
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
นายพรหมฎีกา ขอให้รอการโอนกรรมสิทธิเรือน เพื่อฟังผลคำพิพากษาในคดีดำที่ ๙๑๑/๒๔๙๑
ศาลฎีกาเห็นว่า ชั้นแรกศาลแพ่งได้มีคำสั่งให้ระงับการโอนไว้รอฟังผลคดีเรื่องที่กล่าวแล้ว ต่อมาศาลแพ่งได้มีคำสั่งให้จัดการโอนกรรมสิทธิเรือนให้เป็นของนางสุรางค์ต่อไป การที่ศาลแพ่งกลับสั่งใหม่เช่นนี้จะทำได้หรือไม่ และผู้ร้องอ้างว่าขัดต่อ ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา ๑๔๓ ศาลฎีกาเห็นว่าตามมาตรา ๑๔๓ จะต้องอ่านร่วมกับมาตรา ๑๔๔ ซึ่งถ้าหากว่า เป็นคำพิพากษาหรือคำสั่งที่วินิจฉัยชี้ขาดคดีหรือในประเด็นข้อใดแห่งคดีของศาลใดแล้ว ตามธรรมดาศาลนั้นจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำสั่งของตนหาได้ไม่ เว้นแต่จะเข้าข้อยกเว้นที่กฎหมายบัญญัติไว้ แต่คำสั่งของศาลแขวงในคดีนี้ หาใช่คำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดคดีหรือในประเด็นข้อใดแห่งคดีตามมาตรา ๑๔๔ ไม่ แต่เป็นคำสั่งอันเกี่ยวกับการบังคับคดีให้เป็นไปตามทางที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น ซึ่งไม่มีบทมาตราใด ห้ามมิให้ศาลแก้ไขคำสั่งเช่นนี้ ในเมื่อศาลเห็นสมควร ฉะนั้นคำสั่งขอศาลแพ่งที่กลับสั่งใหม่ จึงไม่ผิดวิธีพิจารณา
พิพากษายืน.

Share