คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 903/2537

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยปรับโจทก์ตามสัญญาจ้างโดยหักเงินค่าปรับไว้จากเงินค่าจ้างเมื่อศาลพิพากษาลดค่าปรับลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383 วรรคแรก ให้จำเลยคืนเงินค่าปรับบางส่วนแก่โจทก์ โจทก์หามีสิทธิได้ดอกเบี้ยจากเงิน ค่าปรับที่ได้รับคืนนั้นไม่ เพราะการที่จำเลยหักเงินค่าปรับไว้ เป็นการใช้สิทธิตามสัญญาจ้าง ซึ่งเป็นสิทธิโดยชอบที่ จำเลยจะกล่าวอ้างได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและเชื่อมสายไฟฟ้ากับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่24 กรกฎาคม 2529 ถึงวันฟ้องเป็นเงิน 253,684 บาท และเงินค่าปรับกับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 24 เมษายน 2529ถึงวันฟ้องเป็นเงิน 246,514 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 500,198 บาทกับชำระดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ของต้นเงินค่าติดตั้งและเชื่อมสายไฟฟ้าจำนวน 221,317 บาท และต้นเงินค่าปรับจำนวน 211,600 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยมิได้ผิดสัญญาตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินค่าจ้างอีก 119,600 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่24 กรกฎาคม 2529 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า แม้ศาลจะใช้ดุลพินิจลดค่าปรับให้แก่โจทก์ แต่จำเลยก็ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยแก่โจทก์นับจากวันที่จำเลยปรับโจทก์จนกว่าจำเลยจะชำระค่าปรับคืนแก่โจทก์เสร็จนั้น เห็นว่า เมื่อโจทก์ผิดสัญญาก่อสร้างอาคารเรียนโรงเรียนอนุบาลหนองคายส่งมอบให้จำเลยล่าช้ากว่ากำหนดจำเลยจึงปรับโจทก์ตามสัญญาโดยหักเงินค่าปรับไว้จากเงินค่าจ้าง เมื่อศาลพิพากษาลดค่าปรับลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 383 วรรคแรก ให้จำเลยคืนเงินค่าปรับบางส่วนแก่โจทก์โจทก์หามีสิทธิได้ดอกเบี้ยจากเงินค่าปรับที่ได้รับคืนนั้นไม่เพราะการที่จำเลยหักเงินค่าปรับไว้เป็นการใช้สิทธิตามสัญญาจ้าง ซึ่งเป็นสิทธิโดยชอบที่จำเลยจะกล่าวอ้างได้”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยไม่ต้องชำระดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงิน 119,600 บาท ให้แก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1

Share