คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 902/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สามีภริยาจดทะเบียนหย่อขาดกันที่อำเภอบันทึกหลังทะเบียนการหย่อที่ว่า ในเรื่องทรัพย์สินที่ได้มาในระหว่างการสมรส ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันเรียบร้อยก่อนมาจดทะเบียนหย่านั้น ถือได้ว่ามีหลักฐานเป็นหนังสือสัญยาประนีประนอมยอมความในเรื่องทรัพย์สินระหว่างสามีภรรยานั้นแล้ว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยทำการสมรสกันเมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๔๘๙ มีสินเดิมทั้งสองฝ่ายและอยู่กินเป็นสามีภรรยากันตลอดมา ต่อมาโจทก์จำเลยได้จดทะเบียนการหย่อในวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๔๙๗ แต่ยังไม่แยกจากกัน ยังคงอยู่กินเป็นสามีภรรยาครอบครองทรัพย์สินอันเป็นเจ้าของร่วมกันสืบต่มาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสใหม่ จนถึง พ.ศ. ๒๕๐๒ จึงแยกกันอยู่ โดยโจทก์ย้ายไปรับราชการต่างจังหวัด และให้บุตรสาวโจทก์ดูแลทรัพย์สินแทน จำเลยเป็นผู้เก็บเงินเดือนและรายได้ของโจทก์สะสมไว้ จนมีสินสมรสและทรัพย์สินอันเป็นเจ้าของร่วมกัน ซึ่งโจทก์เป็นเจ้าของร่วมกึ่งหนึ่ง เป็นเงิน ๑๒๕,๐๐๐ บาท ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยแบ่ง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแบ่งทรัพย์ตามบัญชีอันดับ ๒ ถึง ๙ ให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง หากแบ่งกันไม่ได้ก็ให้ขายโดยประมูลราคากัน มิฉะนั้น ก็ให้จัดการขายทอดตลอด แล้วแบ่งส่วนให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า บันทึกหลังทะเบียนการหย่าซึ่งมีความว่า ในเรื่องทรัพย์สินที่ได้มาในระหว่างการสมรส ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันเรียบร้อยก่อนมาจดทะเบียนหย่านี้แล้วนั้น ถือได้ว่าเป็นหลักฐานเป็นหนังสือของสัญญาประนีประนอมยอมความในเรื่องทรัพย์สินระหว่างโจทก์จำเลย ใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๕๑ ทั้งข้อความแห่งบันทึกนี้ต้องตีความตามนัยแห่งมาตรา ๑๕๑๒(ก) ฉะนั้น ข้อความที่ว่า ได้ตกลวกันก่อนมาจดทะเบียน ย่อมแปลความได้ว่า โจทก์จำเลยมีเจตนาที่จะให้ความตกลงนี้เป็นผลของการหย่า ส่วนที่ว่าได้ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินระหว่างสมรส และการหย่า ก็ต้องตีความว่า ได้ตกลงแบ่งทรัพย์สินกันตามที่มีอยู่ในเวลาจดทะเบียนการหย่านั้นแล้ว และต่างจะไม่เรียร้องซึ่งกันและกันอย่างใดอีก จึงพิพากษายืน.

Share