แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของสวนยางพิพาทร่วมกับกองมรดกของ จ. เท่านั้น มิได้ฟ้องขอเรียกค่าเสียหายมาด้วยการที่โจทก์ยื่นคำขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาโดยขอให้ตั้งผู้จัดการสวนยางพิพาทให้เข้ากรีดยางแล้วนำรายได้ 7 ใน 8 ส่วนมาวางศาลหรือมีคำสั่งให้โจทก์จำเลยประมูลรายได้จากการทำสวนยางหากฝ่ายใดชนะให้ฝ่ายนั้นเข้าทำประโยชน์ในสวนยางแปลงพิพาทแล้วนำเงินรายได้ที่ประมูลมาวางศาล เป็นการยื่นคำขอคุ้มครองประโยชน์เกินกว่าคำขอในคำฟ้อง เป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็น แม้โจทก์จะเป็นฝ่ายชนะคดีก็ไม่อาจขอให้ศาลบังคับตามคำขอได้
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ทั้งเจ็ดฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งเจ็ดใส่ชื่อโจทก์ทั้งเจ็ดเป็นเจ้าของสวนยางที่พิพาทร่วมกับกองมรดกของนายจำนงค์ วงษ์ขจร ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งเจ็ด โจทก์ทั้งเจ็ดอุทธรณ์ คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ทั้งเจ็ดยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โดยขอให้ตั้งผู้จัดการสวนยางแปลงพิพาทให้เข้ากรีดยางแล้วนำรายได้ 7 ใน 8 ส่วนมาวางศาล หรือมีคำสั่งให้โจทก์จำเลยประมูลรายได้จากการทำสวนยาง หากฝ่ายใดชนะให้ฝ่ายนั้นเข้าทำประโยชน์ในสวนยางแปลงพิพาทแล้วนำเงินรายได้ที่ประมูลนั้นมาวางศาล ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง โจทก์ทั้งเจ็ดฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ทั้งเจ็ดฎีกาว่า หากศาลพิพากษาให้โจทก์ทั้งเจ็ดชนะคดี โจทก์ทั้งเจ็ดย่อมมีส่วนในสวนยางที่พิพาท7 ใน 8 ส่วน แต่ฝ่ายจำเลยเข้าไปครอบครองทำประโยชน์ฝ่ายเดียวโจทก์จึงขอคุ้มครองประโยชน์โดยขอให้จำเลยนำรายได้ 7 ใน 8 ส่วนหรือนัยหนึ่งคือน้ำยางที่กรีดได้จากต้นยางในสวนที่พิพาทมาวางศาลกับขอให้ตั้งโจทก์ที่ 5 เป็นผู้จัดการสวนยางที่พิพาทด้วยนั้นเห็นว่า คดีนี้โจทก์ทั้งเจ็ดฟ้องขอให้ใส่ชื่อโจทก์ทั้งเจ็ดเป็นเจ้าของสวนยางที่พิพาทร่วมกับกองมรดกของนายจำนงค์เท่านั้นมิได้ฟ้องขอเรียกค่าเสียหายมาด้วย โจทก์ทั้งเจ็ดจึงยื่นคำขอคุ้มครองประโยชน์เกินกว่าคำขอในคำฟ้องของตนหาได้ไม่เพราะเป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็น และแม้โจทก์ทั้งเจ็ดจะเป็นฝ่ายชนะคดีนี้ก็ยังไม่อาจขอให้ศาลบังคับตามคำขอคุ้มครองประโยชน์ดังกล่าวแก่ฝ่ายจำเลยได้ ที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยกคำร้องของโจทก์ทั้งเจ็ดชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ทั้งเจ็ดฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน