คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 900/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากอสังหาริมทรัพย์ซึ่งอาจให้เช่าได้เดือนละ 200 บาท จำเลยให้การว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณะ มิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธินั้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นโดยฟังข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ เช่นนี้จำเลยจะฎีกาในข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินอีกไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
จำเลยฎีกาลอยๆ ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม มิได้ยกเหตุขึ้นอ้างอิงว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่ถูกต้องด้วยเหตุใด ไม่เป็นฎีกาที่ชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๔๓๘๘ ตำบลตลาดใหญ่ ๆ เป็นของโจทก์ได้ให้จำเลยที่ ๒ เช่าปลูกเรือน จำเลยที่ ๑ ได้มาอาศัยอยู่กับจำเลยที่ ๒ ต่อมาจำเลยที่ ๑ กลับอ้างว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของจำเลยที่ ๑ ขอให้ขับไล่
จำเลยทั้งสองให้การว่าที่พิพาทเดิมเป็นที่ดินมือเปล่า เป็นที่บ่อแร่เก่า มีน้ำทะเลขึ้นถึง ต่อมาได้ตื้นเขิน จำเลยทั้งสองจึงได้เข้าครอบครองร่วมกันมาโดยสงบเปิดเผยและเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลา ๒๐ ปีเศษแล้ว ไม่เคยเช่าจากโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิขอออกโฉนดเพราะเป็นที่สาธารณะ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะไม่ระบุว่าที่ดินตั้งอยู่หมู่ที่เท่าใด
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม ที่พิพาทเป็นของโจทก์ไม่ใช่ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน พิพากษาให้จำเลยทั้งสองรื้อเรือนออกจากที่ดินของโจทก์ ห้ามจำเลยทั้งสองและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสองออกจากอสังหาริมทรัพย์และเรียกค่าเสียหายซึ่งอาจให้เช่าได้เดือนละ ๒๐๐ บาท จำเลยทั้งสองให้การว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณะมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นโดยฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ มิใช่ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน จำเลยทั้งสองจะฎีกาในข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติแผ่นดินไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๘ ที่แก้ไข ส่วนปัญหาเรื่องฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่นั้น เห็นว่าจำเลยทั้งสองฎีกาลอยๆ ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมมิได้ยกเหตุขึ้นอ้างอิงว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่ถูกต้องด้วยเหตุใด ไม่เป็นฎีกาที่ชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๙ ที่แก้ไข ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาจำเลยทั้งสอง

Share