คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 900/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ใช้ปืนแก๊บสั้นทำเองลำกล้อง 8 อนุกระเบียด ยาว 11 นิ้ว ยิงเขาลำกล้องแตกกระสุนปืนถูกเขาที่ขาขวาหนังขาด 1 แห่งเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าคนโดยเจตนา

ย่อยาว

คดีเรื่องนี้ โจทก์ฟ้องกล่าวความว่า เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2497 เวลากลางคืน จำเลยบังอาจใช้ปืนแก๊บสั้นยิงนายผัด ปันดีถูกที่ร่างกาย โดยเจตนาจะฆ่าให้ตาย แต่มีเหตุอันพ้นวิสัยที่จำเลยจะป้องกันได้มาขัดขวางเสีย โดยปืนนั้นมีแรงระเบิดมากจนทำให้พานท้ายหักหลุดจากลำกล้อง เป็นเหตุให้กระสุนปืนที่จำเลยยิงไม่ถูกอวัยวะส่วนสำคัญ และจำเลยได้บังอาจมีปืนดังกล่าวไว้ในครอบครองโดยไม่มีทะเบียนเครื่องหมายและไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน เหตุเกิดที่ตำบลต้นหนุน อำเภอสอน จังหวัดแพร่ ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249, 60, 70, 71 และพระราชบัญญัติอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72

จำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้ยิงนายผัด คงรับว่ามีปืนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตจริง

เมื่อโจทก์สืบพยานไปบ้างแล้ว จำเลยกลับให้การรับสารภาพว่าได้ใช้ปืนยิงนายผัดจริงตามฟ้อง ไม่ขอต่อสู้คดีต่อไป ทางพิจารณาคดีจึงได้ความตามหลักฐานพยานโจทก์ ประกอบคำรับสารภาพของจำเลยดังกล่าว ฟังได้ว่าจำเลยกับนายบุญเป็นลูกจ้างทำสวนของนายทองหล่อรู้จักชอบพอกับนายผัด เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2497 เวลาประมาณ 19.00 นาฬิกาเศษ นายผัดมาชวนนายบุญไปหาซื้อบุหรี่ที่ร้านนายตาลได้บุหรี่แล้วเดินกลับมาด้วยกัน และแวะเข้าไปในสวนของนายทองหล่อโดยนายผัดจะเข้าไปกินน้ำที่กระต๊อบเฝ้าสวนของนายบุญ กำลังเดินตามหลังนายบุญเข้าไปในสวนยังห่างกระต๊อบราว10 วา จำเลยแอบอยู่ข้างกอกล้วยห่างประมาณ 1 วาเศษ ได้ใช้ปืนแก๊บสั้นยิงนายผัด 1 นัด แล้ววิ่งหนีไป นายผัดร้องระบุชื่อจำเลยเป็นคนยิง และได้ไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านในคืนนั้น จำเลยก็ได้ไปหาผู้ใหญ่บ้านเหมือนกันแจ้งว่าได้ใช้ปืนยิงนายผัดไปแล้ว ชั้นแรกอ้างว่านายผัดเข้ามาลักมะละกอในสวน แต่ชั้นสอบสวนให้การรับว่าโกรธที่นายผัดด่าว่าท้าทายจำเลยต่อหน้าคนหลายคนในวันก่อน และคืนเกิดเหตุนายผัดเข้ามาในสวนจึงได้ใช้ปืนแก๊บสั้นยิงเอาโดยตั้งใจจะฆ่าให้ตายแต่ลำกล้องปืนระเบิดในขณะยิง ทำให้จำเลยมีบาดแผลที่ง่ามมือและคิ้วข้างซ้าย จำเลยได้มอบปืนต่อเจ้าพนักงานสอบสวน 1 กระบอกเป็นปืนแก๊บสั้นทำเอง ใช้แป๊บเหล็กเป็นลำกล้องโต 8 อนุกระเบียดนิ้วยาว 11 นิ้วฟุตพานท้ายยาว 4 นิ้วฟุต ด้ามไม้หักออกจากลำกล้อง

นายผัดถูกกระสุนปืนที่ต้นขาขวาเป็นวงกลมขนาดครึ่งเซ็นติเมตรหนังขาด 1 แห่ง

ด้วยข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้ ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยได้ใช้ปืนยิงนายผัดจริงดังข้อหา แต่ปืนที่จำเลยใช้ยิงเป็นปืนทำเองประสิทธิภาพของปืนย่อมไม่แน่นอนเมื่อจำเลยยิง ปืนได้ระเบิดจนพานท้ายหักและลำกล้องแตก เป็นเหตุให้ง่ามมือและคิ้วของจำเลยบาดเจ็บเพราะแรงระเบิด กำลังส่งกระสุนจึงอ่อนมากไม่อาจฝังลงไปในเนื้อของนายผัดได้แม้จำเลยจะมีเจตนาพยายามฆ่านายผัดก็ตามผลก็ไม่อาจจะเป็นไปได้ตามเจตนาของจำเลยเสียแล้ว จะถือเอาแต่เจตนาร้ายของจำเลยเพื่อชี้ขาดผลแห่งการกระทำหาควรไม่ จำเลยจึงควรรับผิดเพียงเท่าที่ผลแห่งการกระทำบังเกิดขึ้นเท่านั้นจึงพิพากษาว่าจำเลยผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254 และพระราชบัญญัติอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 72 ให้จำคุก 1 ปี และปรับ 300 บาท ลดฐานปรานีตามมาตรา 59 สำหรับฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ 1 ใน 3 และลดสำหรับฐานมีปืนไม่รับอนุญาตกึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลย 8 เดือน และปรับ 150 บาท ค่าปรับไม่เสียให้จัดการตามมาตรา 18 ของกลางริบ

โจทก์ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ ขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าคน

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ถ้าหากปืนไม่ระเบิดแตกเสียหาย นายผัดก็อาจต้องถูกระสุนปืนของจำเลยตาย การที่ปืนระเบิดแตกขึ้นเรียกได้ว่าเป็นเหตุอันพ้นวิสัยมาขัดขวาง กระสุนปืนจึงไม่ถูกนายผัดเท่าที่ควร จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น เฉพาะข้อหาประการที่ว่า จำเลยผิดฐานพยายามฆ่านายผัดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249, 60 ให้จำคุก 12 ปี ลดตามมาตรา 59 เสีย 1 ใน 3 เหลือ 8 ปี นอกจากที่แก้นี้คงพิพากษายืน

จำเลยฎีกาว่าควรเป็นผิดฐานทำร้ายร่างกายดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาแล้วเท่านั้น

ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนและประชุมปรึกษาแล้ว

ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยได้ใช้ปืนแก๊บสั้นยิงนายผัดจริงดังข้อหา ขณะยิงลำกล้องปืนแตกและพานท้ายหักออกจากลำกล้องทำให้ง่ามมือและคิ้วซ้ายของจำเลยเป็นบาดแผลปรากฏอยู่ เหตุทั้งนี้กระทำให้แรงส่งกระสุนทางปากกระบอกอ่อนไป และกระสุนปืนถูกต้นขาขวาของนายผัดบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ปัญหาจึงมีว่า จำเลยจะเป็นผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บหรือฐานพยายามฆ่าคน

จำเลยได้ใช้อาวุธปืนลอบยิงเขาจริงแล้ว ปืนนั้นแม้จะเป็นปืนแก๊บสั้นทำเอง โดยใช้แป๊บเหล็กเป็นลำกล้องโตขนาด 8 อนุกระเบียดนิ้วยาว 11 นิ้วฟุต ก็เป็นปืนที่ใช้ประหารได้ มิใช่ปืนเด็กเล่นดังที่จำเลยฎีกาขึ้นมา พยานโจทก์ยืนยันว่า เคยเห็นจำเลยใช้กระสุนปืนลูกกลม ๆ ใส่ทางปากกระบอก และจำเลยเคยยิงสุนัขตายไปแล้ว 2 ตัว อนึ่งปรากฎว่า ขณะที่จำเลยยิงนายผัดนั้น แรงระเบิดกระทำให้ลำกล้องแตกจนตัวจำเลยเองได้รับบาดเจ็บ ฉะนั้น แรงส่งกระสุนออกทางลำกล้องจึงอ่อนลงต่างหาก หาใช่เป็นไปตามสภาพปกติของปืนกระบอกนี้เองไม่ถ้าลำกล้องไม่แตก บาดแผลของนายผัดก็ต้องร้ายแรงขึ้นอีกมาก โดยไม่มีข้อสงสัย การที่แรงระเบิดทำให้ลำกล้องปืนแตกจึงเป็นเหตุอันพ้นวิสัยของจำเลยมาขัดขวาง มิให้การฆ่าเกิดเป็นผลสำเร็จตามความตั้งใจของจำเลยได้ จำเลยจึงต้องเป็นผิดฐานพยายามฆ่าคนดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมา ชอบแล้ว แต่พิเคราะห์ตามเหตุผลในท้องสำนวนประกอบกับบาดแผลที่นายผัดได้รับเพียงเล็กน้อย เห็นสมควรกรุณากำหนดโทษแก่จำเลยในสถานเบา

เหตุฉะนี้ ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เฉพาะเรื่องกำหนดโทษ โดยให้ลงโทษจำคุกจำเลย 10 ปี ลดฐานปรานีตามมาตรา 59 เสีย 1 ใน 3 คงเหลือ 6 ปี 8 เดือน นอกจากนี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share