แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายและผู้รับมฤดกต่างนั้นถือศาสนาอิสสลามและอยู่ในบริเวณ 7 หัวเมืองนั้นต้องแย่งมฤดกตามกฎหมายอิสสลาม ไม่ว่าทรัพย์จะอยู่นอกจังหวัดนั้นหรือไม่ สารตราที่ออกโดยพระบรมราชกิจจานุเบกษาก็ต้องถือว่ามีผลใช้บังคับได้ดุจ กฎหมาย
ย่อยาว
ข้อเท็จจริงได้ความว่า ผู้ตายหนับถือสาสนาอิสลามและมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดสตูล โจทก์ผู้มีสิทธิ์รับมฤดกก็นับถือสาสนาอิสลาม ทรัพย์ที่พิพาทมีที่ดิน ๓ แปลงอยู่ในจัวหวัดพระนครจำเลยเป็นผู้จัดการทรัพย์มฤดก ได้จัดแบ่งมฤดกตามกฎหมายอิสลาม ไม่ยอมแบ่งตามกฎหมายลักษณมฤดก เป็นการไม่ชอบ ขอให้ศาลบังคับ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นว่า ที่ดินมฤดกรายนี้ต้องแบ่งกันตามกฎหมายอิสลาม จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ควรวินิจฉัยตามสารตรากระทรวงยุตติธรรมที่ ๓๐/๔๓๔๕ ลงวันที่ ๒๕ กันย์. ๒๔๖๐ แม้ว่าสารตราฉะบับนี้ไม่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาก็ต้องถือว่ามีผลใช้บังคับได้ดุจกฎหมาย เพราะได้ออกโดยพระบรมราชโองการ และไม่มีบทบังคับว่าพระบรมราชโองการที่จะใช้เป็นกฎหมายนั้น จะต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา กะทงความตามสารตราฉะบับนี้มีความครอบถึงทรัพย์มฤดกทุกอย่าง โดยไม่มีข้อยกเว้นว่าในส่วนอสังหาริมทรัพย์นั้นอยู่ที่ใดจึงพิพากษายืนตาม ศาลล่าง ในยกฟ้อง โจทก์