คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8979/2549

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 และที่ 6 อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลแก่จำเลยที่ 1 และที่ 6 ไม่ได้อุทธรณ์ในเนื้อหาแห่งคดี ซึ่งผลของการอุทธรณ์ไม่ทำให้คำพิพากษาศาลชั้นต้นต้องถูกยกไปด้วย อันมิใช่เป็นกรณีที่จะต้องวางเงินค่าธรรมเนียมซึ่งต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229
การที่จำเลยที่ 1 และที่ 6 อ้างว่า เงินค่าธรรมเนียมมีจำนวนสูง จำเลยที่ 1 และที่ 6 ได้พยายามติดต่อขอยืมเงินจากบุคคลภายนอกไว้แล้ว แต่บุคคลภายนอกซึ่งรับปากจะให้ยืมเงินประสบปัญหาธุรกิจไม่สามารถให้ยืมเงินได้ ประกอบกับปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจตกต่ำนั้น ยังถือไม่ได้ว่าเป็นกรณีมีพฤติการณ์พิเศษตามความหมายของ ป.วิ.พ. มาตรา 23 ที่ศาลจะมีอำนาจสั่งขยายระยะเวลาการวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมให้ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันชำระหนี้เงินแก่โจทก์ หากจำเลยทั้งเจ็ดไม่ชำระให้ยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ หากได้เงินไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งเจ็ดบังคับชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ กับให้จำเลยทั้งเจ็ดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท จำเลยที่ 1 และที่ 6 อุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา แต่ไม่ยอมสาบานตนภายในกำหนด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดไต่สวนและยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของจำเลยที่ 1 และที่ 6 หากจำเลยที่ 1 และที่ 6 ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปให้นำเงินค่าธรรมเนียมมาเสียภายใน 15 วัน หลังจากนั้นจำเลยที่ 1 และที่ 6 ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลออกไปอีก 3 ครั้ง ครั้งสุดท้ายศาลชั้นต้นอนุญาตให้จนถึงวันที่ 22 มิถุนายน 2547
วันที่ 22 มิถุนายน 2547 จำเลยที่ 1 และที่ 6 ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินอีกโดยอ้างว่าเนื่องจากค่าธรรมเนียมมีเป็นจำนวนสูงถึง 400,000 บาทเศษ จำเลยที่ 1 และที่ 6 ได้พยายามติดต่อขอหยิบยืมเงินจากบุคคลภายนอกไว้แล้วแต่เนื่องจากบุคคลภายนอกซึ่งรับปากจะให้จำเลยที่ 1 และที่ 6 ยืมเงินประสบปัญหาธุรกิจขาดเงินทุนหมุนเวียนจึงไม่สามารถให้ยืมเงินได้ จำเลยที่ 1 และที่ 6 ไม่สามารถรวบรวมเงินค่าธรรมเนียมได้ครบตามกำหนดระยะเวลาที่ขอขยายไว้ประกอบกับปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ขอขยายระยะเวลาวางเงินออกไปอีกมีกำหนด 30 วัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
จำเลยที่ 1 และที่ 6 อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 และที่ 6 คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดให้แก่จำเลยที่ 1 และที่ 6
จำเลยที่ 1 และที่ 6 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้จำเลยที่ 1 และที่ 6 ไม่ได้อุทธรณ์ในเนื้อหาแห่งคดี แต่เป็นเรื่องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลแก่จำเลยที่ 1 และที่ 6 ซึ่งผลของการอุทธรณ์ไม่ทำให้คำพิพากษาศาลชั้นต้นต้องถูกยกไปด้วย อันมิใช่เป็นกรณีที่จะต้องวางเงินค่าธรรมเนียมซึ่งต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229
ข้ออ้างของจำเลยที่ 1 และที่ 6 ที่ว่า ค่าธรรมเนียมมีเป็นจำนวนสูงถึง 400,000 บาทเศษ จำเลยที่ 1 และที่ 6 ได้พยายามติดต่อขอหยิบยืมเงินจากบุคคลภายนอกไว้แล้ว แต่เนื่องจากบุคคลภายนอกซึ่งรับปากจะให้จำเลยที่ 1 และที่ 6 ยืมเงินประสบปัญหาธุรกิจขาดเงินทุนหมุนเวียนไม่สามารถให้ยืมเงินได้ ประกอบกับปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจตกต่ำจำเลยที่ 1 และที่ 6 จึงไม่สามารถรวบรวมเงินค่าธรรมเนียมศาลได้ครบตามกำหนดระยะเวลาที่ขอขยายไว้นั้น พฤติการณ์ดังที่จำเลยที่ 1 และที่ 6 อ้างมานั้นยังถือไม่ได้ว่าเป็นกรณีมีพฤติการณ์พิเศษตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ที่ศาลจะมีอำนาจสั่งขยายระยะเวลาการวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมให้ได้
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องตามคำสั่งศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ.

Share