คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8973/2558

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาครั้งแรก ให้จำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่ดินพิพาท ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท จำเลยอุทธรณ์โดยนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางพร้อมกับอุทธรณ์ครบถ้วนแล้ว ต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและยกอุทธรณ์ของจำเลย ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและมีคำพิพากษาใหม่ โดยให้มีผู้พิพากษาครบองค์คณะ เงินค่าธรรมเนียมที่ศาลชั้นต้นเคยสั่งให้จำเลยต้องรับผิดใช้แทนโจทก์จึงถูกยกไป แต่จำเลยยังไม่ได้ขอรับเงินค่าธรรมเนียมใช้แทนโจทก์ที่วางไว้ต่อศาลชั้นต้นคืน ต่อมาเมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาครั้งที่สอง ให้จำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่ดินพิพาท ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท เงินค่าธรรมเนียมที่ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยรับผิดใช้แทนโจทก์ จึงมีจำนวนเท่ากันกับจำนวนเงินค่าธรรมเนียมใช้แทนโจทก์ที่จำเลยได้วางต่อศาลชั้นต้นในครั้งก่อนซึ่งจำเลยยังไม่ได้รับคืนไป กรณีถือว่าจำเลยได้นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางต่อศาลพร้อมกับอุทธรณ์แล้ว จำเลยจึงไม่ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมมาวางพร้อมอุทธรณ์เพิ่มเติมอีก ทั้งไม่จำต้องมีคำขอให้เอาเงินดังกล่าวมาวางพร้อมอุทธรณ์ครั้งที่สองด้วย อุทธรณ์ของจำเลยครั้งที่สองจึงเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 229 แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างตามโฉนดที่ดินเลขที่ 56106 ตำบลสว่างแดนดิน อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเดือนละ 10,000 บาท นับจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างตามที่ดินโฉนดเลขที่ 56106 ตำบลสว่างแดนดิน อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเดือนละ 3,500 บาท แก่โจทก์ นับจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยและบริวารจะขนย้ายทรัพย์สินและออกไปจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวของโจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุอันควรอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้ โดยเสียค่าขึ้นศาลและค่าขึ้นศาลอนาคต 300 บาท พร้อมนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาล
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิจารณาแล้วเห็นว่า โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างและให้ชดใช้ค่าเสียหาย จำเลยให้การต่อสู้กรรมสิทธิ์ เป็นคดีมีทุนทรัพย์จึงให้ศาลชั้นต้นตีราคาทรัพย์สินที่พิพาท ให้จำเลยเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ให้ครบถ้วน หากทุนทรัพย์ที่พิพาทเกินสามแสนให้ศาลชั้นต้นส่งสำนวนคืนศาลอุทธรณ์ภาค 4 เพื่อดำเนินการต่อไป
ศาลชั้นต้นนัดพร้อมคู่ความแถลงร่วมกันว่า ราคาทรัพย์สินที่พิพาทอันเป็นทุนทรัพย์คดีนี้ 410,000 บาท ศาลชั้นต้นจึงส่งสำนวนคืนศาลอุทธรณ์ภาค 4
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น และยกอุทธรณ์ของจำเลย ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและมีคำพิพากษาใหม่โดยให้มีผู้พิพากษาครบองค์คณะ ให้คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์แก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์นอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ
ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่แล้วพิพากษา ให้จำเลยและบริวารออกไปจากสิ่งปลูกสร้างและที่ดินโฉนดเลขที่ 56106 เลขที่ดิน 100 ตำบลสว่างแดนดิน อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร ให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 3,500 บาท นับจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 4 พฤษภาคม 2555) เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปจากสิ่งปลูกสร้างและที่ดิน ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย ให้คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดให้แก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์นอกจากนี้ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำพิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยชอบหรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่า จำเลยได้ชำระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความใช้แทนในชั้นอุทธรณ์แล้ว เมื่อครั้งที่จำเลยยื่นอุทธรณ์ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2556 ตามใบเสร็จรับเงินลงวันที่ 19 มีนาคม 2556 การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 วินิจฉัยว่าจำเลยไม่ได้ชำระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์จึงเป็นการผิดหลงนั้น เห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาครั้งแรกในวันที่ 26 ธันวาคม 2555 ว่า ให้จำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่ดินพิพาท ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท จำเลยอุทธรณ์โดยนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางพร้อมกับอุทธรณ์ครบถ้วนแล้ว ต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและยกอุทธรณ์ของจำเลย ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและมีคำพิพากษาใหม่ โดยให้มีผู้พิพากษาครบองค์คณะ ให้คืนค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์แก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์นอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ ดังนั้น เงินค่าธรรมเนียมที่ศาลชั้นต้นเคยสั่งให้จำเลยต้องรับผิดใช้แทนโจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นฉบับลงวันที่ 26 ธันวาคม 2555 จึงถูกยกไปด้วยตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ดังกล่าว แต่จำเลยยังไม่ได้ขอรับเงินค่าธรรมเนียมใช้แทนโจทก์ที่วางไว้ต่อศาลชั้นต้นคืน ต่อมาเมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาครั้งที่สองในวันที่ 25 สิงหาคม 2557 ว่า ให้จำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่ดินพิพาท ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท เงินค่าธรรมเนียมที่ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยรับผิดใช้แทนโจทก์ ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นฉบับลงวันที่ 25 สิงหาคม 2557 ดังกล่าว เมื่อคำนวณแล้วก็มีจำนวนเท่ากันกับจำนวนเงินค่าธรรมเนียมใช้แทนโจทก์ที่จำเลยได้วางต่อศาลชั้นต้นในครั้งก่อนซึ่งจำเลยยังไม่ได้รับคืนไป กรณีถือว่าจำเลยได้นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางต่อศาลพร้อมกับอุทธรณ์แล้ว จำเลยจึงไม่ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมมาวางพร้อมอุทธรณ์เพิ่มเติมอีก ทั้งไม่จำต้องมีคำขอให้เอาเงินดังกล่าวมาวางพร้อมอุทธรณ์ครั้งที่สองด้วย อุทธรณ์ของจำเลยครั้งที่สองจึงเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 แล้ว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 รวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่

Share