แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ออกโฉนดทับที่ผู้อื่นเขาไม่ได้กรรมสิทธิเจ้าของที่ดินมีโฉนดแผนที่ไม่ได้เข้าครอบครองที่ของตนปล่อยให้ผู้อื่นเข้าปกครองที่ของตนปล่อยให้ผู้อื่นเข้าปกครองปรปักษ์เกิน 10 ปี ผู้เข้าปกครองย่อมได้กรรมสิทธิในอสังหาริมทรัพย์โดยนิติกรรมต้องอยู่ภายในบังคับว่าต้องได้มาจากผู้มีสิทธิโอนให้ การได้มาซึ่งทรัพย์สิทธิในอสังหาริมทรัพย์โดยทางอื่น แม้จะยังไม่จดทะเบียนก็บริบูรณ์ เจ้าหนี้ของผู้ได้มานั้นยึดได้
ย่อยาว
คดีนี้จำเลยผิดสัญญายอมไม่ใช้เงินโจทก์จึงนำยึดที่นารายพิพาท ผู้ร้อง ๆคัดค้านว่าที่นารายนี้เป็นของผู้ร้องโดยมีโฉนดเป็นหลักฐาน จึงขอให้ถอนการยึด
ทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่าที่นารายนี้เดิมเป็นป่า เมื่อประมาณ ๒๐ ปีมานี้จำเลยได้เข้าหักล้างถางพงทำเป็นนาขึ้น เมื่อพ.ศ.๒๔๖๓ ม.ได้เป็นโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากที่นารายนี้ครั้งหนึ่ง แต่ศาลได้สั่งให้จำหน่ายคดีนี้เสีย จำเลยก็คงปกครองที่นารายนี้สืบมา ส่วนผู้ร้องนำสืบว่าที่นารายนี้มีโฉนดแล้ว ในโฉนดมีชื่อ ม.เป็นเจ้าของ ม.ได้ยกให้แก่ผู้ร้องแล้ว แลผู้ร้องได้เสียค่านามาตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๗๒ จนถึง พ.ศ. ๒๔๗๔
ศาลฎีกาเห็นว่าแม้ผู้ร้องจะมีโฉนดก็ดีแต่เจ้าพนักงานได้ออกให้แก่ ม.เมื่อพ.ศ.๒๔๖๕ อันเป็นเวลาภายหลังจำเลยเข้าครอบครองถือสิทธิเป็นเจ้าของแล้ว ตามกฎหมาย ม.หรือผู้ร้องหามีกรรมสิทธิในที่รายนี้ไม่ เพราะโฉนดออกทับที่ของผู้อื่นถ้าหากจะฟังว่า ม.มีกรรมสิทธิในที่รายนี้ก่อนจำเลยเข้าครอบครองก็ดี แต่ข้อเท็จจริงปรากฎว่า ม.หรือผู้ร้องมิได้เข้าครอบครองที่รายนี้เลย ปล่อยให้จำเลยปกครองมาฝ่ายเดียว จำเลยย่อมได้กรรมสิทธิโดยอำนาจปรปักษ์ตามประมวลแพ่ง ม.๑๓๘๒ จึงพิพากษาให้ยืนตามศาลอุทธรณ์ว่านาแปลงนี้เป็นของจำเลย โจทก์มีสิทธิยึดเอาออกขายเพื่อชำระหนี้ได้ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ซึ่งพิพากษากลับศาลเดิม