คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 896/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องปลูกตึกพิพาทอยู่ในที่ดินของจำเลย และไม่ปรากฏว่าผู้ร้องปลูกตึกพิพาทเป็นการชั่วคราว ตึกพิพาทจึงเป็นส่วนควบของที่ดินของจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 107 ต่อมาผู้ร้องได้ขายตึกพิพาทให้จำเลย จำเลยชำระค่าตึกบางส่วนแล้วก็ไม่ชำระอีก ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระ ดังนี้ ตามพฤติการณ์ถือได้ว่าผู้ร้องได้ขายตึกพิพาทให้จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินเสร็จเด็ดขาดแล้ว ตึกพิพาทจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยไม่จำเป็นต้องไปทำการจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่อีก.
(อ้างฎีกาที่ 561/2488, 1124/2502)

ย่อยาว

คดีนี้ ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องว่าโจทก์ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดตึกพิพาทอันเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องมิใช่ของจำเลย ขอให้ศาลสั่งปล่อย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ตึกพิพาทเป็นของจำเลย ร้องขัดทรัพย์ไม่ได้ ไม่รับคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ผู้ร้องปลูกตึกพิพาทอยู่ในที่ดินของจำเลย ไม่ปรากฏว่าผู้ร้องปลูกตึกพิพาทเป็นการชั่วคราว ตึกพิพาทจึงเป็นส่วนควบของที่ดินจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๗ ต่อมาผู้ร้องได้ขายตึกพิพาทให้จำเลย จำเลยชำระค่าตึกบางส่วน แล้วก็ไม่ชำระอีก ศาลได้พิพากษาให้จำเลยชำระ ตามพฤติการณ์ถือได้ว่าผู้ร้องได้ขายตึกพิพาทให้จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินเสร็จเด็ดขาดแล้ว ตึกพิพาทจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยไม่จำเป็นต้องไปทำการจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่อีก ดังนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๕๖๑/๒๔๘๘ และ ๑๑๒๔/๒๕๐๒
พิพากษายืน ยกฎีกาผู้ร้อง.

Share