คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 894/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานเห็นจำเลยยิงผู้ตาย มีแต่พยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีซึ่งก็มีเหตุให้เป็นที่สงสัย ส่วนหลังเกิดเหตุแม้จำเลยที่ 1 ไปติดต่อขอชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ภริยาผู้ตาย แต่จำเลยที่ 1 อาจจะกระทำไปโดยความเกรงกลัวว่าจะต้องรับโทษทั้งที่ไม่ได้กระทำผิดก็เป็นได้ พยานหลักฐานของโจทก์จึงยังไม่พอฟังลงโทษจำเลยทั้งสองได้.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 83 จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83 จำคุกคนละ 20 ปีจำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองเป็นคนร้ายที่ร่วมกันฆ่าผู้ตายดังฟ้องของโจทก์หรือไม่ โจทก์ไม่มีประจักษ์พยาน คงมีแต่พยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีคือ นายธัญญาวุธซึ่งเบิกความว่า ก่อนเกิดเหตุพยานพร้อมด้วยจำเลยที่ 1 และผู้ตายพากันลงจากบ้านนายเริน เมื่อถึงบริเวณหน้าบ้านนายเรินพยานได้แยกจากคนทั้งสอง ขณะเดินห่างมาประมาณ 1 เส้น ก็มีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด พยานวิ่งไปที่บ้านยาย รุ่งขึ้นจึงทราบว่าผู้ตายถูกยิงเห็นว่า ข้อเท็จจริงที่ได้ความจากนายธัญญาวุธดังกล่าวจะฟังว่าจำเลยที่ 1 เป็นคนร้ายที่ร่วมกับพวกยิงผู้ตายยังไม่ได้ เพราะขณะที่ผู้ตายถูกยิงนั้นจำเลยที่ 1 อาจจะแยกทางกับผู้ตายไปเสียก่อนหรือผู้ตายอาจถูกคนร้ายลอบยิง โดยจำเลยที่ 1 ไม่มีส่วนรู้เห็นด้วยก็เป็นได้ ส่วนนายแดง เลื่อนแก้ว พยานโจทก์อีกปากหนึ่งที่เบิกความว่า ขณะพยานเดินมาตามถนนบ้านลำ-หารเคียน ห่างจากจุดที่ผู้ตายถูกยิงประมาณ 20 เมตร ก็มีเสียงปืน 1 นัด เมื่อเดินต่อไปอีกราว 3 วา ก็พบจำเลยทั้งสอง โดยพยานใช้ไฟฉายส่องดูเห็นจำเลยที่ 1 ไม่ได้ถืออะไร ส่วนจำเลยที่ 2 ถืออาวุธปืนสั้นเดินไปทางทิศเหนือของถนนดังกล่าว เห็นว่า นายแดงเป็นน้าของผู้ตาย หากนายแดงเห็นเหตุการณ์ดังที่เบิกความจริง ในวันรุ่งขึ้นเมื่อนายแดงทราบว่าผู้ตายถูกยิงตายห่างจากจุดที่ตนได้ยินเสียงปืนเพียง 20 เมตร แล้วพบเห็นจำเลยทั้งสองเช่นนี้นายแดงจะต้องเข้าใจทันทีว่าจำเลยทั้งสองเป็นคนร้ายรายนี้และจะต้องบอกเรื่องที่ตนพบเห็นให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ญาติพี่น้องหรือภรรยาของผู้ตายทราบ เนื่องจากผู้ตายเป็นหลานของตน แต่นายแดงเบิกความว่าขณะพยานไปดูศพผู้ตาย ได้พบภรรยาผู้ตายเจ้าหน้าที่ตำรวจและกำนันท้องที่เกิดเหตุ พยานไม่ได้บอกเรื่องที่พบเห็นจำเลยทั้งสองให้ผู้ใดทราบ นอกจากนี้ที่นายแดงเบิกความว่า พยานออกจากบ้านเมื่อเวลา 19.30 นาฬิกา เพื่อไปหานายหมื่น เลื่อนแก้ว ซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้บ้านนายเริน เมื่อเดินมาได้ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ได้ยินเสียงปืนดังกล่าว ดังนั้นขณะที่นายแดงได้ยินเสียงปืนและพบเห็นจำเลยทั้งสองจึงเป็นเวลาประมาณ 20 นาฬิกา เมื่อเหตุเกิดเวลาประมาณ 22 นาฬิกาเช่นนี้ คำเบิกความของนายแดงดังกล่าวข้างต้นจึงไม่อาจบ่งชี้ว่าจำเลยทั้งสองเป็นคนร้ายรายนี้ได้ ส่วนที่โจทก์นำสืบว่า หลังเกิดเหตุแล้วจำเลยที่ 1 ไปติดต่อขอชดใช้ค่าเสียหายให้แก่นางเจียรภรรยาผู้ตายเป็นเงิน 20,000 บาท นั้น เห็นว่าแม้การกระทำของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวจะเป็นการส่อพิรุธของจำเลยที่ 1 อยู่บ้างก็ตามแต่เมื่อพยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีของโจทก์ดังวินิจฉัยมาข้างต้นยังเป็นที่สงสัย ลำพังแต่ข้อพิรุธของจำเลยที่ 1 เช่นว่านั้น ยังไม่พอฟังลงโทษจำเลย เพราะจำเลยที่ 1 อาจจะกระทำไปโดยความเกรงกลัวว่าจะต้องรับโทษทั้งที่ไม่ได้กระทำผิดก็เป็นได้ กล่าวโดยสรุปแล้วพยานหลักฐานของโจทก์ยังไม่มีน้ำหนักมั่นคงพอที่จะลงโทษจำเลยทั้งสอง จึงไม่จำต้องวินิจฉัยคำพยานจำเลย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งสองมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share