คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 891/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินมือเปล่าที่จำเลยครอบครองว่าเป็นของโจทก์นั้น เมื่อจำเลยปฏิเสธและอ้างสิทธิว่าครอบครองเป็นเจ้าของ โจทก์มีหน้าที่นำสืบให้สมฟ้อง ถ้าสืบไม่สมคือการนำสืบของโจทก์กลับได้ความว่า โจทก์ขายที่ดินนั้นแก่จำเลยเป็นการซื้อขายเด็ดขาดไปแล้ว เช่นนี้แม้จำเลยมิได้ยกข้อที่ซื้อขายเด็ดขาดแล้วขึ้นต่อสู้โจทก์ก็ต้องแพ้คดี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขอซื้อนาของโจทก์ ๕๐ ไร่ ราคา ๑๐๐๐ บาท โจทก์รับมัดจำไว้จากจำเลย ๒๐๐ บาท อีก ๘๐๐ บาทจะชำระในวันทำหนังสือสัญญาซื้อขาย บัดนี้จำเลยกลับปฎิเสธเรื่องซื้อ และอ้างสิทธิครอบครอง จึงขอให้แสดงว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของโจทก์ และขอให้ขับไล่จำเลย
จำเลยต่อสู้ว่า ไม่เคยขอซื้อที่พิพากษาจากโจทก์ จำเลยครอบครองที่พิพาทโดยการเป็นเจ้าของมากกว่า ๒๐ ปี
ศาลชั้นต้นเชื่อพยานโจทก์ จึงพิพากษาขับไล่จำเลย
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า โจทก์ขายที่พิพาทซึ่งเป็นที่มือเปล่าแก่จำเลยเป็นราคา ๒๐๐ บาท ได้รับชำระเงินแล้ว และมอบการครอบครองให้จำเลยแล้ว ไม่มีสิทธิมาฟ้องขับไล่จำเลย จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกาคัดค้านว่า ถ้าเป็นเรื่องซื้อขายเด็ดขาด จำเลยก็ควรจะได้ต่อสู้ไว้ในทางนั้น
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้จะเลยมิได้ยกในเรื่องซื้อขายเด็ดขาดขึ้นต่อสู้ แต่โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้สมฟ้องก่อน เมื่อสืบได้ไม่สมคือกลับได้ความว่า ได้ขายที่แก่จำเลยเด็ดขาดแล้ว โจทก์ก็ต้องแพ้คดี จึงพิพากษายืน

Share