แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่โจทก์ร่วมขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์เมื่อสิ้นระยะเวลาอุทธรณ์แล้วด้วยเหตุผลว่า ป. โจทก์ร่วมคนเดิมป่วยและถึงแก่ความตายหลังจากศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษา ไม่ใช่เหตุสุดวิสัย แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์และรับอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมก็เป็นการสั่งรับอุทธรณ์โดยไม่ชอบ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมจึงชอบแล้ว
เมื่อโจทก์ร่วมไม่มีสิทธิอุทธรณ์ กรณีต้องถือว่าโจทก์ร่วมมิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้นในทุกประเด็นที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย และไม่มีสิทธิฎีกาในประเด็นดังกล่าว เพราะเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 3 ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเบียดบังยักยอกค่าเช่าที่ดิน มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยยักยอกที่ดิน แม้จะมีคำขอท้ายฟ้องขอให้จำเลยคืนที่ดินแปลงดังกล่าวก็ไม่ถือว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยในการกระทำผิดฐานยักยอกที่ดิน โจทก์และโจทก์ร่วมจึงไม่มีสิทธิขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยคืนที่ดินดังกล่าว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353, 354 ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนจำนวน 7,452,494.78 บาท และเงินที่ได้จากการขายทรัพย์มรดกที่ดินโฉนดเลขที่ 1191 ตำบลปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา หลังจากหักค่าใช้จ่าย และที่ดิน ภ.บ.ท. 5 เลขสำรวจที่ 255 หมู่ที่ 11 ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา แก่กองมรดกเพื่อแบ่งปันให้แก่ทายาทต่อไป
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณานายเปงเทียง ผู้จัดการมรดกของนางสาวพูนสุข ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 354 ประกอบมาตรา 353 จำคุก 2 ปี ให้จำเลยคืนที่ดินที่มีสิทธิครอบครอง (ภ.บ.ท. 5) (ที่ถูกที่ดินตามแบบชำระภาษีบำรุงท้องที่) เลขสำรวจที่ 255 หมู่ที่ 11 ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา แก่โจทก์ร่วมในฐานะผู้จัดการมรดกของเจ้ามรดกเพื่อจัดแบ่งปันให้แก่ทายาทต่อไป คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
เมื่อพ้นระยะเวลาอุทธรณ์ นายเปงเทียง ผู้จัดการมรดกของนางสาวพูนสุขในฐานะโจทก์ร่วม ถึงแก่ความตาย นายสมบูรณ์หรือพุฒิพงศ์ ในฐานะผู้จัดการมรดกของนางสาวพูนสุขคนใหม่ขอเข้ารับมรดกความเป็นโจทก์ร่วมแทนและขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์โดยอ้างเหตุสุดวิสัย ศาลชั้นต้นอนุญาต
โจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอให้จำเลยคืนที่ดินตามแบบชำระภาษีบำรุงท้องที่ (ภ.บ.ท 5) เลขสำรวจที่ 255 แก่โจทก์ร่วม นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและให้ยกอุทธรณ์ของโจทก์ร่วม
โจทก์ร่วมและจำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2549 ซึ่งโจทก์ร่วมมีระยะเวลาอุทธรณ์ภายในระยะเวลา 1 เดือน คือ ภายในวันที่ 28 เมษายน 2549 แต่โจทก์ร่วมมิได้ยื่นอุทธรณ์ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้โจทก์ร่วมก็มิได้ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ก่อนระยะเวลาอุทธรณ์จะสิ้นสุดลง แต่คงได้ความจากนายสมบูรณ์หรือพุฒิพงศ์ซึ่งเป็นทายาทและเป็นผู้จัดการมรดกของเจ้ามรดกแทนนายเปงเทียงซึ่งถึงแก่ความตายและเป็นผู้ขอเข้ารับมรดกความแทนนายเปงเทียงก็เพิ่งยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2549 อ้างว่า หลังจากศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาแล้ว โจทก์ร่วมไม่ได้ขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์เพราะโจทก์ร่วมป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูง อาการสาหัสต้องให้น้ำเกลือและออกซิเจนและต่อมาถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2549 โดยนายสมบูรณ์ขอรับมรดกความเป็นโจทก์ร่วมแทน และขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ร่วมขยายระยะเวลาอุทธรณ์โดยให้เหตุผลว่าเป็นเหตุสุดวิสัยและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมก็ตาม แต่ก็ปรากฏข้อเท็จจริงว่า โจทก์ร่วมมีทนายความดำเนินคดีแทน แต่ทนายความของโจทก์ร่วมก็มิได้ดำเนินการขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์โดยโจทก์ร่วมก็มิได้ให้เหตุผลในเรื่องนี้ไว้ การที่โจทก์ร่วมขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์เมื่อสิ้นระยะเวลาอุทธรณ์แล้วด้วยเหตุผลว่านายเปงเทียงซึ่งเป็นโจทก์ร่วมคนเดิมป่วยและถึงแก่ความตายหลังจากศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษา จึงไม่ใช่เหตุสุดวิสัย แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์และรับอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมก็เป็นการสั่งรับอุทธรณ์โดยไม่ชอบ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมนั้น จึงชอบแล้ว ฎีกาข้อนี้ของโจทก์ร่วมฟังไม่ขึ้น
เมื่อโจทก์ร่วมไม่มีสิทธิอุทธรณ์ กรณีต้องถือว่าโจทก์ร่วมมิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้นในทุกประเด็นที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย และไม่มีสิทธิฎีกาในประเด็นดังกล่าว เพราะเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 3 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ตามคำฟ้องของโจทก์บรรยายฟ้องในส่วนนี้ว่า จำเลยเบียดบังยักยอกค่าเช่าที่ดินตามแบบภาษีบำรุงท้องที่เลขสำรวจที่ 255 รวม 3 ปี ปีละ 12,000 บาท รวมเป็นเงิน 36,000 บาท อันเป็นทรัพย์มรดก แต่โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยยักยอกที่ดินดังกล่าว แม้โจทก์จะมีคำขอท้ายฟ้องขอให้จำเลยคืนที่ดินแปลงดังกล่าวก็ไม่ถือว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยในการกระทำผิดฐานยักยอกที่ดินดังกล่าว โจทก์และโจทก์ร่วมจึงไม่มีสิทธิขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยคืนที่ดินตามแบบชำระภาษีบำรุงท้องที่เลขสำรวจที่ 255 แก่กองมรดก ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกคำขอในส่วนนี้จึงชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ร่วมฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน