คำสั่งคำร้องที่ 191/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกาพร้อมกับยื่นคำร้องขอฎีกาอย่างคนอนาถาศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งว่า พิเคราะห์คำร้องขออนาถาและพยานที่จำเลยผู้ขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาชั้นฎีกา นำพยานเข้าไต่สวนมาแล้วฟังได้ว่าผู้ขอมีที่ดินพร้อมอาคาร 1 แปลง เนื้อที่ประมาณ 195 ตารางวา อยู่ติดถนนใหญ่ลาดพร้าวมูลค่าประมาณ5,000,000 บาท โดยจำนองธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาลาดพร้าวไว้ในวงเงิน 2,500,000 บาท และปรากฏตามหลักฐานเอกสารหมาย ร.2 ว่าหนี้ที่จำเลยมีต่อธนาคารดังกล่าว ในวันที่ 15 ธันวาคม 2529 จำนวน3,031,861.96 บาทเท่านั้น แต่ค่าขึ้นศาลในชั้นฎีกาตามที่จำเลยนำสืบเป็นเงินเพียง 55,000 บาท จำเลยจึงยังมีเงินพอเสียค่าธรรมเนียมศาลได้ จำเลยผู้ขอมิได้ยากจนจริงให้ยกคำร้องของจำเลยผู้ขอเสียและให้ผู้ร้องนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระภายใน 7 วัน นับแต่วันนี้จำเลยเห็นว่า จำเลยได้อ้างหลักฐานธนาคารทวงหนี้จำนวน3 ล้านบาทเศษ จำเลยก็ยังไม่มีเสียให้แก่ธนาคาร เงินเพียง 55,000 บาทจำเลยจะมีเสียได้อย่างไร ทรัพย์สินอื่นก็ติดจำนองหมด ข้อเท็จจริงอย่างนี้ย่อมฟังได้ว่า จำเลยเป็นคนยากจนไม่มีทรัพย์สินพอเสียค่าธรรมเนียมศาลในชั้นฎีกาได้ ที่ศาลชั้นต้นอ้างว่าจำเลยไม่ยากจนจริงและมีเงินพอเสียค่าธรรมเนียมศาลนั้น เป็นการไม่ชอบ โปรดพิจารณาพิพากษากลับคำสั่งของศาลชั้นต้นแล้วให้จำเลยฎีกาอย่างคนอนาถาได้
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 127)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 10835 และ 10836 แขวงสามเสนใน เขตดุสิต กรุงเทพมหานครและอาคารสิ่งปลูกสร้าง เลขที่ 142-144 ซอยพงษ์ศรีอินทร์ถนนสุทธิสาร แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ให้จำเลยชำระเงิน 550,000 บาท แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายอีกเดือนละ 50,000 บาท นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว
จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอฎีกาอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 113,111,123)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 125)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าจำเลยมิได้อยู่ในฐานะเป็นคนยากจนไม่สามารถจะเสียค่าธรรมเนียมศาลได้ ให้ยกคำร้อง หากจำเลยประสงค์จะฎีกาให้นำค่าธรรมเนียมมาวางศาลใน 1 เดือน

Share