แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ว่า ผู้รับประกันจะยอมรับใช้เงินให้ในกรณีมีอุบัติเหตุนั้น คำว่า”อุบัติเหตุ” ก็คือเหตุที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันคิดหรือความบังเอิญเป็น ซึ่งหมายความว่าเป็นเหตุที่เกิดหรือเป็นขึ้นโดยมิได้จงใจ ฉะนั้น จึงรวมถึงเหตุที่เกิดขึ้นโดยประมาทด้วย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้ประกันภัยรถยนต์ไว้กับบริษัทจำเลยเป็นเงิน ๖๐,๐๐๐ บาท ต่อมาโจทก์ขับรถยนต์ขนม้าแข่งตาย เจ้าของม้าแข่งเรียกให้ชดใช้ค่าเสียหาย โจทก์ก็แจ้งให้จำเลยทราบ แต่จำเลยเพิกเฉย เจ้าของม้าแข่งจึงฟ้องโจทก์ ศาลพิพากษาให้โจทก์แพ้ โจทก์จึงขอให้บังคับจำเลยใช้เงินแก่โจทก์คือ ค่าเสียหายและค่าธรรมเนียมค่าทนายที่ต้องใช้แก่เจ้าของม้าแข่ง ๕๑,๕๓๗ บาท ค่าจ้างทนายสู้คดี ๑,๐๐๐ บาท ค่าซ่อมรถยนต์ที่ชำรุดเนื่องในการขนม้า ๘๕๐ บาท รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน ๕๓,๓๘๗ บาท และขอให้จำเล่ยเสียดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ฟ้อง
จำเลยให้การรับว่าได้รับประกันภัยรถยนต์จริง แต่ไม่ต้องรับผิด เพราะโจทก์ขับรถยนต์ชนม้าโดยความประมาทของโจทก์เอง จำเลยจะรับใช้ตามสัญญาแต่เฉพาะกรณีอุบัติเหตุเท่านั้น ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินและดอกเบี้ยแก่โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำว่า “อุบัติเหตุ” ในการประกันภัย (ตามกรมธรรม์ประกันภัยว่า จะรับผิดในกรณือุบัติเหตุ) นั้น ก็คือเหตุที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันคิดหรือความบังเอิญเป็นซึ่งหมายความว่าเป็นเหตุที่เกิดหรือเป็นขึ้นโดยมิได้จงใจนั้นเอง ซึ่งรวมที้งเหตุที่เกิดขึ้นด้วยความประมาทด้วย
ฉะนั้น การประกันภัยรายนี้จึงครอบทั้งภัยอันเกิดโดยความประมาทด้วย ฯ
จึงพิพากษายืน.