คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 888/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้แกล้งนำความเท็จมาฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญาในข้อหาฟ้องเท็จเบิกความเท็จ และนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานเท็จพร้อมกับอ้างสำเนาคำฟ้องที่จำเลยฟ้องโจทก์ ทั้งนี้เพราะจำเลยอาฆาตแค้นโจทก์ที่เป็นทนายฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาอีกคดีหนึ่ง ดังนี้ จำเลยกระทำอย่างใดที่ว่าฟ้องเท็จ ฟ้องโจทก์จะต้องระบุมาให้เห็นว่า ความจริงเป็นอย่างไร มิฉะนั้นจำเลยย่อมไม่อาจต่อสู้คดีได้ถูก ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องที่ระบุพอสมควรที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี แม้โจทก์จะได้แนบสำเนาคำฟ้องที่จำเลยฟ้องโจทก์มาในคำฟ้องคดีนี้ด้วยก็ตาม คำฟ้องโจทก์คดีนี้ก็ต้องสมบูรณ์มาก่อน มิใช่ว่าต้องให้ศาลไปตรวจดูฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5)
โจทก์บรรยายฟ้องคดีหมิ่นประมาทว่าจำเลยแกล้งเรียงคำฟ้องอันเป็นเท็จใส่ความโจทก์ต่อศาล ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ศาล ต่อพยาน และบุคคลอื่น ๆ ที่ทราบเรื่องนี้ดีทำให้โจทก์ต้องเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ดังนี้โจทก์มิได้กล่าวในฟ้องให้ชัดแจ้งว่าข้อความวรรคใด ตอนใดที่เป็นการเสียหายต่อชื่อเสียงของโจทก์ ซึ่งศาลจะได้ยกขึ้นพิจารณาได้โดยเฉพาะถือว่าเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่อาจทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี
เมื่อศาลดำเนินการไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า ฟ้องโจทก์ไม่ถูกต้องตามกฎหมายศาลก็มีอำนาจยกฟ้องเสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 161

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้แกล้งนำความเท็จมาฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญาในข้อหาฟ้องเท็จ เบิกความเท็จ และนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานเท็จ (พร้อมกับอ้างสำเนาคำฟ้องที่จำเลยฟ้องโจทก์) ทั้งนี้เพราะจำเลยอาฆาตแค้นโจทก์ที่ทำหน้าที่เป็นทนายฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาอีกเรื่องหนึ่ง (พร้อมกับอ้างสำเนาคำฟ้อง) การที่จำเลยนำความเท็จมาแกล้งฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญาทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย
การที่จำเลยเรียงคำฟ้องดังกล่าวด้วยข้อความอันเป็นเท็จใส่ความโจทก์ ได้กระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสารเป็นการใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สามโดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วย
ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗๕, ๓๒๖, ๓๒๘ และ ๓๓๒ และให้โจทก์โฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า ฟ้องโจทก์ไม่มีรายละเอียดชัดแจ้งพอสมควรที่จะให้เข้าใจข้อหาได้ดีเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘ (๕) พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่าฟ้องโจทก์สมบูรณ์ มีรายละเอียดแจ้งชัดพอสมควรที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘ นอกจากนี้การไต่สวนมูลฟ้องจนเสร็จแล้วกลับยกฟ้อง เพราะฟ้องไม่เป็นฟ้องเป็นการไม่ถูกต้อง ขอให้ประทับรับฟ้องไว้พิจารณา
ศาลฎีกาเห็นว่าตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ พอเข้าใจได้เพียงว่าโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยได้แกล้งนำความเท็จมาฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญาในข้อหาฟ้องเท็จเบิกความเท็จ และนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานเท็จ พร้อมกับอ้างสำเนาคำฟ้องที่จำเลยฟ้องคดีดังกล่าวว่าเพราะจำเลยอาฆาตแค้นโจทก์ที่เป็นทนายฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาอีกเรื่องหนึ่งเท่านั้น จำเลยกระทำการอย่างใดที่ว่าฟ้องเท็จ ฟ้องโจทก์จะต้องระบุมาให้เห็นว่าคามจริงเป็นอย่างไร มิฉะนั้นจำเลยย่อมไม่อาจต่อสู้คดีได้ถูก ฟ้องโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องที่ระบุพอสมควรที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่าฟ้องของจำเลยเป็นเท็จทั้งฉบับไม่จำต้องบรรยายแยกเป็นตอน ๆ อีกนั้น เห็นว่าข้อความในฟ้องของจำเลยที่ฟ้องโจทก์ยืดยาว โจทก์มิได้ยืนยันมาในฟ้องคดีนี้ว่าข้อความเหล่านั้นเป็นเท็จทั้งหมดหรือไม่ ยากที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีและโจทก์ไม่บรรยายให้ชัดแจ้งว่าข้อความที่จำเลยฟ้องกล่าวหาว่าโจทก์กระทำผิดนั้นเป็นเท็จอย่างไรแม้โจทก์จะได้แนบสำเนาคำฟ้องที่จำเลยฟ้องโจทก์มาในคำฟ้องคดีนี้ด้วยก็ตาม คำฟ้องของโจทก์คดีนี้ก็ต้องสมบูรณ์มาก่อน มิใช่ว่าต้องให้ศาลไปตรวจดู ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘ (๕)
สำหรับข้อหาหมิ่นประมาทนั้น ตามคำฟ้องของโจทก์ในคดีนี้โจทก์บรรยายว่าจำเลยแกล้งเรียงคำฟ้องอันเป็นเท็จใส่ความโจทก์ต่อศาลและต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ศาลและต่อพยานและต่อบุคคลอื่น ๆ ที่ทราบเรื่องนี้ดี ทำให้โจทก์ต้องเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง เห็นว่าโจทก์มิได้กล่าวในฟ้องให้ชัดแจ้งว่าข้อความใด วรรคใดตอนใดเป็นการเสียหายต่อชื่อเสียงของโจทก์ ซึ่งศาลจะได้ยกขึ้นพิจารณาได้โดยเฉพาะถือว่าฟ้องเคลือบคลุมไม่อาจทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี
ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่าการที่ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องจนเสร็จแล้วกลับยกฟ้องเพราะฟ้องไม่เป็นฟ้องเป็นการไม่ถูกต้องนั้น เห็นว่า แม้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๖๒ จะบัญญัติว่า ถ้าฟ้องถูกต้องตามกฎหมายแล้วในคดีราษฎรเป็นโจทก์ให้ไต่สวนมูลฟ้องก็ตาม การไต่สวนมูลฟ้องก็เป็นเรื่องระหว่างศาลกับโจทก์ มิใช่ว่าการไต่สวนจะตัดอำนาจศาลมิให้ตรวจดูคำฟ้องใหม่อีก ฉะนั้นเมื่อฟ้องโจทก์ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ศาลย่อมมีอำนาจยกฟ้องเสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๖๑ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์นั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share