แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่โจทก์อุทธรณ์ว่างานของบริษัท ด. ที่จำเลยมอบหมายให้โจทก์ทำนั้นเป็นงานที่มิใช่เกี่ยวกับกิจการของจำเลย เพราะบริษัทดังกล่าวนี้มิใช่เป็นบริษัทในเครือของจำเลยหรือบริษัท ก. ก็ดี ข้อตกลงในการจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลยมิได้กำหนดให้โจทก์ต้องทำงานให้แก่บริษัท ด. แม้โจทก์ยอมรับในคำฟ้องว่าจำเลยมอบให้ปฏิบัติงานกับบริษัทดังกล่าวก็ตามก็ไม่เป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างที่บังคับให้โจทก์ปฏิบัติหน้าที่ ทั้งการมอบหมายงานให้โจทก์ทำงานนอกเหนือจากงานที่เป็นกิจการของจำเลยเป็นการใช้สิทธิบังคับลูกจ้างนอกจากที่กฎหมายแรงงานบัญญัติไว้ จึงเป็นข้อตกลงที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนตกเป็นโมฆะก็ดี จำเลยปรับตำแหน่งและขึ้นค่าจ้างให้แก่โจทก์ภายหลังจากที่งานในส่วนของบริษัท ด. ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว จึงมิใช่เหตุผลที่จำเลยใช้ปรับค่าจ้างและเลื่อนตำแหน่งแก่โจทก์ก็ดี ล้วนแต่เป็นอุทธรณ์ที่โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางที่ฟังว่าการรับทำและดูแลงานด้านเอกสารและด้านบุคคลให้บริษัท ด. เป็นงานของจำเลยซึ่งมอบหมายให้โจทก์ดูแลงานดังกล่าวจนเป็นสาเหตุให้จำเลยปรับเลื่อนตำแหน่งและค่าจ้างแก่โจทก์ เพื่อให้ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงดังที่โจทก์อุทธรณ์ให้แตกต่างไปจากที่ศาลแรงงานกลางรับฟังมา จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งเลิกจ้างโจทก์และบังคับจำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งและอัตราค่าจ้างเดิมหรือจ่ายค่าเสียหายเท่ากับรายได้ที่ขาดไปเป็นเงิน 3,840,000 บาท แก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยมอบหมายให้โจทก์ต้องรับผิดชอบดูแลงานด้านบุคคลและงานด้านเอกสารให้แก่ลูกจ้าง 60 คน ที่โอนย้ายไปเป็นลูกจ้างบริษัทดิจิตอลสเปซ จำกัด อันเป็นเงื่อนไขการทำงานที่โจทก์ตกลงกับจำเลยก่อนที่จะมีการปรับเลื่อนตำแหน่งและปรับขึ้นค่าจ้างแก่โจทก์ การรับทำและดูแลงานด้านเอกสารและด้านบุคคลให้แก่ลูกจ้าง 60 คน ที่โอนย้ายไปทำงานให้แก่บริษัทดิจิตอลสเปซ จำกัด เป็นงานของจำเลย แล้ววินิจฉัยว่า เมื่อจำเลยมอบหมายให้โจทก์รับผิดชอบดูแลงานด้านบุคคลให้แก่ลูกจ้าง 60 คน ที่โอนย้ายไป โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของจำเลย โจทก์ฝ่าฝืนไม่ทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจึงเป็นการผิดสัญญาจ้างแรงงาน กรณีจึงมีเหตุผลและความจำเป็นเพียงพอที่ทำให้จำเลยไม่ไว้วางใจที่จะให้โจทก์ทำงานต่อไปและเลิกจ้างโจทก์ได้ ไม่ถือเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม
ที่โจทก์อุทธรณ์ว่างานของบริษัทดิจิตอลสเปซ จำกัด ที่จำเลยมอบหมายให้โจทก์ทำนั้นเป็นงานที่มิใช่เกี่ยวกับกิจการของจำเลย เพราะบริษัทดังกล่าวนี้มิใช่เป็นบริษัทในเครือของจำเลยหรือบริษัทกันตนากรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ก็ดี ข้อตกลงในการจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลยก็มิได้กำหนดให้โจทก์ต้องทำงานให้แก่บริษัทดิจิตอลสเปซ จำกัด แม้โจทก์จะยอมรับในคำฟ้องว่าจำเลยมอบให้ปฏิบัติงานให้กับบริษัทดังกล่าวก็ตาม ก็ไม่เป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างที่บังคับให้โจทก์ปฏิบัติหน้าที่ ทั้งการมอบหมายงานให้โจทก์ทำงานนอกเหนือจากงานที่เป็นกิจการของจำเลยเป็นการใช้สิทธิบังคับลูกจ้างนอกจากที่กฎหมายแรงงานบัญญัติไว้ จึงเป็นข้อตกลงที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนตกเป็นโมฆะก็ดี จำเลยปรับตำแหน่งและขึ้นค่าจ้างให้แก่โจทก์เป็นระยะเวลาภายหลังจากที่งานในส่วนของบริษัทดิจิตอลสเปซ จำกัด เกี่ยวกับการโอนย้ายลูกจ้าง 60 คน ได้ดำเนินการไปเรียบร้อยแล้ว จึงมิใช่เหตุผลที่จำเลยใช้ปรับค่าจ้างและเลื่อนตำแหน่งให้แก่โจทก์ก็ดี ล้วนแต่เป็นอุทธรณ์ที่โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางที่ฟังว่า การรับทำและดูแลงานด้านเอกสารและด้านบุคคลให้บริษัทดิจิตอลสเปซ จำกัด เป็นงานของจำเลย ซึ่งจำเลยมอบหมายให้โจทก์ดูแลงานดังกล่าวจนเป็นสาเหตุให้จำเลยปรับเลื่อนตำแหน่งและค่าจ้างแก่โจทก์ เพื่อให้ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงดังที่โจทก์อุทธรณ์ให้แตกต่างไปจากที่ศาลแรงงานกลางรับฟังมา จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกอุทธรณ์โจทก์