แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ธนาคารปฏิเสธการใช้เงินเพราะไม่มีเงินในบัญชีพอจ่ายตามเช็คที่จำเลยออกใช้ราคาของที่ซื้อจากโจทก์ ต่อมาจำเลยส่งของขายแก่โจทก์ โจทก์รับของหักใช้หนี้ตามเช็คของจำเลยนั้น ตามพฤติการณ์เห็นความมุ่งหมายว่าโจทก์จำเลยตกลงระงับข้อพิพาทไม่ดำเนินคดีอาญาสิทธิฟ้องคดีอาญาระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์รับของหักหนี้ตามเช็คกับจำเลย หนี้ระงับไปแล้วไม่มีมูลหนี้ตามเช็คที่โจทก์จะฟ้องได้อีก พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์เห็นว่าไม่มีการหักหนี้ พิพากษากลับ จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 สำหรับจำเลยที่ 1 ปรับ10,000 บาท จำเลยที่ 2 จำคุก 8 เดือน จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ศาลฎีกาเชื่อว่า ที่จำเลยส่งอะลูมินั่มไฮดรอกไซต์ไปให้โจทก์ ภายหลังจากที่โจทก์ให้ทนายความมีหนังสือลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2519 (เอกสารหมาย ล.7) เตือนให้จำเลยนำเงินตามเช็คทั้ง 2 ฉบับไปชำระ มิฉะนั้นจะขออำนาจศาลให้บังคับจำเลยซึ่งเมื่อโจทก์ได้รับอะลูมินั่มไฮดรอกไซด์ไว้แล้ว ก็ได้เขียนบันทึกลงวันที่ 16 ธันวาคม 2519(เอกสารหมาย ล.8 ) ให้จำเลยว่า “ได้รับอะลูมินั่มไฮดรอกไซด์จำนวน 3 ตันเป็นเงิน 120,000 บาท ไว้หักบัญชีของห้างจำเลยซื้อยาจากโจทก์ไป” นั้นเป็นการที่โจทก์ยอมรับเอาอะลูมินั่มไฮดรอกไซด์ของจำเลยไว้หักบัญชีกับค่าเคมีเวชภัณฑ์รายที่จำเลยออกเช็คพิพาทชำระให้โจทก์และโจทก์ให้ทนายความมีหนังสือเตือนให้จำเลยชำระ ตามพฤติการณ์ที่โจทก์จำเลยปฏิบัติต่อกันดังกล่าว ย่อมเห็นความมุ่งหมายว่าโจทก์จำเลยได้ตกลงยอมความระงับข้อพิพาท โดยโจทก์จะไม่ดำเนินคดีทางอาญากับจำเลยเกี่ยวกับเช็คพิพาท อันเป็นความผิดต่อส่วนตัว เพราะโจทก์ได้รับชำระค่าเคมีเวชภัณฑ์ที่จำเลยออกเช็คชำระให้โจทก์ครบถ้วนแล้ว จึงมีผลให้สิทธิที่โจทก์จะนำคดีอาญามาฟ้องระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยทั้งสองฟังขึ้น
พิพากษากลับ ยกฟ้องโจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น