คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 886/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ทั้งสองซื้อที่ดินและบ้านพิพาทโดยสุจริตจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลและจดทะเบียนรับโอนแล้วโจทก์ทั้งสองย่อมได้กรรมสิทธิ์โดยสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1330แม้จำเลยที่2ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดและคดียังอยู่ ระหว่างพิจารณาก็เป็นเรื่องการเพิกถอนการขายทอดตลาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา296เมื่อคดีดังกล่าวศาลยังมิได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่ง เพิกถอนการขายทอดตลาดโจทก์ทั้งสองย่อมมี อำนาจฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสองได้

ย่อยาว

โจทก์ ทั้ง สอง ฟ้อง ขอให้ บังคับ จำเลย ทั้ง สอง ออกจาก ที่ดินโฉนด เลขที่ 142917 และ บ้าน เลขที่ 102/50 ให้ จำเลย ทั้ง สอง ส่งมอบที่ดิน และ บ้าน แก่ โจทก์ ทั้ง สอง ใน สภาพ เรียบร้อย กับ ให้ จำเลย ทั้ง สองชดใช้ ค่าเสียหาย แก่ โจทก์ ทั้ง สอง เดือน ละ 5,000 บาท นับแต่ วันฟ้องจนกว่า จำเลย ทั้ง สอง จะ ส่งมอบ ที่ดิน และ บ้าน เสร็จสิ้น
จำเลย ทั้ง สอง ให้การ ทำนอง เดียว กัน ว่า โจทก์ ทั้ง สอง ไม่มีอำนาจฟ้อง ขับไล่ และ เรียก ค่าเสียหายจาก จำเลย ทั้ง สอง บ้าน ตาม ฟ้อง เป็นบ้าน ชั้น เดียว หาก ให้ เช่า จะ ได้ ค่าเช่า อย่าง สูง ไม่เกิน เดือน ละ2,000 บาท ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษา ให้ ขับไล่ จำเลย ที่ 1 ออกจาก ที่ดิน และบ้าน พิพาท และ ให้ยก ฟ้องโจทก์ ทั้ง สอง สำหรับ จำเลย ที่ 2
โจทก์ ทั้ง สอง และ จำเลย ที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ เป็น ว่า ให้ ขับไล่ จำเลย ที่ 2 ออกจากที่ดิน โฉนด เลขที่ 142917 และ บ้าน เลขที่ 102/50 แขวง วังทองหลาง เขต บางกะปิ กรุงเทพมหานคร ให้ จำเลย ทั้ง สอง ส่งมอบ ที่ดิน และ บ้าน เลขที่ ดังกล่าว แก่ โจทก์ ทั้ง สอง ใน สภาพ เรียบร้อย กับ ให้ จำเลยทั้ง สอง ร่วมกัน ชดใช้ ค่าเสียหาย แก่ โจทก์ ทั้ง สอง เดือน ละ 5,000 บาทนับแต่ วันฟ้อง จนกว่า จำเลย ทั้ง สอง จะ ส่งมอบ บ้าน และ ที่ดิน เสร็จสิ้น
จำเลย ทั้ง สอง ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “มี ปัญหาข้อกฎหมาย ตาม ฎีกา ของ จำเลย ทั้ง สองว่า การ ที่ จำเลย ที่ 2 ได้ ยื่น คำร้องขอ ให้ เพิกถอน การ ขายทอดตลาด ทรัพย์พิพาท นั้น จะ ทำให้ โจทก์ ทั้ง สอง ไม่มี อำนาจฟ้อง ขับไล่ จำเลย ทั้ง สองหรือไม่ ซึ่ง ใน การ วินิจฉัย ปัญหาข้อกฎหมาย ดังกล่าว ศาลฎีกา จำต้อง ถือข้อเท็จจริง ตาม ที่ ศาลอุทธรณ์ ได้ วินิจฉัย มา แล้ว จาก พยานหลักฐานใน สำนวน โดย ศาลอุทธรณ์ ฟัง ข้อเท็จจริง ว่า โจทก์ ทั้ง สอง ซื้อ ที่ดินและ บ้าน พิพาท ได้ จาก การ ขายทอดตลาด ตาม คำสั่งศาล ใน คดีแพ่ง หมายเลขแดงที่ 23136/2530 ของ ศาลชั้นต้น และ ได้ จดทะเบียน รับโอน ต่อ เจ้าพนักงานที่ดิน เรียบร้อย แล้ว จำเลย ที่ 1 คดี นี้ เป็น จำเลย ใน คดี ดังกล่าวและ ใน การ ขายทอดตลาด นั้น จำเลย ที่ 1 ได้ ร้อง คัดค้าน การ ขายทอดตลาดอ้างว่า ขาย ใน ราคา ต่ำ ขอให้ ยกเลิก การ ขาย ศาลชั้นต้น มี คำสั่งให้ยก คำร้อง จำเลย ที่ 1 มิได้ อุทธรณ์ คำสั่ง ของ ศาลชั้นต้น ดังกล่าวจึง ฟังได้ ว่า โจทก์ ทั้ง สอง ซื้อ ที่ดิน และ บ้าน พิพาท โดยสุจริต ดังนี้โจทก์ ทั้ง สอง จึง เป็น ผู้ ได้ กรรมสิทธิ์ ใน ที่ดิน และ บ้าน พิพาท โดย สมบูรณ์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 และ 1330 แม้ ต่อมาจำเลย ที่ 2 ได้ ยื่น คำร้องขอ ให้ เพิกถอน การ ขายทอดตลาด และ คดี ยัง อยู่ใน ระหว่าง การ พิจารณา ก็ ตาม ก็ เป็น เรื่อง การ เพิกถอน การ ขายทอดตลาดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 อีก ส่วน หนึ่งหาใช่ เรื่อง การ ขายทอดตลาด ตกเป็น โมฆะ ดัง ที่ จำเลย ทั้ง สอง ฎีกา ไม่เมื่อ ศาล ยัง มิได้ มี คำพิพากษา หรือ คำสั่ง ให้ เพิกถอน การ ขายทอดตลาดโจทก์ ทั้ง สอง ซึ่ง เป็น เจ้าของ กรรมสิทธิ์ ใน ที่ดิน และ บ้าน พิพาทจึง ย่อม มีอำนาจ ฟ้องขับไล่ จำเลย ทั้ง สอง ได้ ตาม นัย แห่ง คำพิพากษา ศาลฎีกาที่ 2788/2526 ระหว่าง นาย ศักดิ์ชัย ฟองสถาพร โจทก์ นาย จุมพล เชษฐ์พงศ์พันธุ์ กับพวก จำเลย ส่วน ที่ จำเลย ทั้ง สอง ฎีกา ว่า ศาลอุทธรณ์ พิพากษา ให้ โจทก์ ทั้ง สอง ได้รับ ค่าเสียหาย จาก จำเลย ทั้ง สองเป็น การ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะ พิพากษา เกินคำขอ นั้น เห็นว่าคำขอ ท้ายฟ้อง ของ โจทก์ ทั้ง สอง ได้ ขอให้ จำเลย ทั้ง สอง รับผิด ใน ค่าเสียหายดังกล่าว อยู่ แล้ว โดย ขอ เรียก ตั้งแต่ วันฟ้อง เป็นต้น ไป จนกว่า จำเลยทั้ง สอง จะ ส่งมอบ ที่ดิน และ บ้าน พิพาท เสร็จสิ้น คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกา ของ จำเลย ทั้ง สอง ฟังไม่ขึ้น แต่ ชั้นฎีกา จำเลย ทั้ง สองเสีย ค่าขึ้นศาล อย่าง คดีมีทุนทรัพย์ จึง ไม่ถูกต้อง ”
พิพากษายืน

Share