แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจรปล้นทรัพย์เงิน 11,962 บาท อาวุธปืนและทรัพย์อย่างอื่นรวมราคา 32,582 บาท จับคนร้ายได้ 2 คน ได้เงิน 5,233 บาทจากจำเลยที่ 1 และได้อาวุธปืน 1 กระบอกจากจำเลยที่ 2 โจทก์ขอให้ศาลสั่งคืนเงิน 5,233 บาท และอาวุธปืนที่จับได้จากจำเลยทั้งสองแก่เจ้าทรัพย์ และให้จำเลยร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน 24,849 บาท แก่เจ้าทรัพย์ ศาลยกฟ้องจำเลยที่ 1 คืนเงิน 5,233 บาทแก่จำเลยที่ 1 ไป เมื่อเงินจำนวน 5,233 บาทที่จับได้จากจำเลยที่ 1 จะเอามาคืนหรือใช้ให้แก่เจ้าทรัพย์ไม่ได้เพราะศาลยกฟ้องจำเลยที่ 1 และคืนเงินจำนวนนี้ให้จำเลยที่ 1 ไป ก็ต้องถือว่าจำเลยที่ 2 ยังต้องคืนหรือใช้เงินจำนวน 5,233 บาทแก่เจ้าทรัพย์ตามความหมายในคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ที่ขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ทั้งหมดนั้นด้วย.
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2509)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๐๗ เวลากลางวันจำเลยทั้งสองกับพวกอีก ๗ คนซึ่งถูกเจ้าพนักงานยิงตาย ๒ คน และยังจับตัวไม่ได้อีก ๕ คน มีปืนเป็นอาวุธ ร่วมกันปล้นเอาทรัพย์ของพวกเจ้าทรัพย์ดังมีรายชื่อและรายการทรัพย์ตามบัญชีท้ายฟ้องรวมราคาทั้งสิ้น ๓๒,๕๘๒ บาท บนรถยนต์โดยสารสายจังหวัดเพชรบูรณ์ – จังหวัดพระนคร ในการปล้นทรัพย์ดังกล่าวนี้ จำเลยกับพวกใช้ปืนบังคับขู่เข็ญพวกเจ้าทรัพย์และร่วมกันใช้ปืนยิงนายทอง ปานศร เจ้าทรัพย์คนหนึ่ง ๒ นัด ถึงแก่ความตายโดยเจตนาฆ่าให้ตายปรากฏตามรายงานชันสูตรพลิกศพท้ายฟ้อง
เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๐๗ เจ้าพนักงานจับจำเลยที่ ๑ ได้พร้อมด้วยเงินที่ปล้นเอาไป ๕,๒๓๓ บาท ต่อมาวันที่ ๑๗ เดือนเดียวกัน จับจำเลยที่ ๒ ได้พร้อมด้วยปืนคอลท์โอโตเมติก หมายเลขทะเบียน พ.ช.๓/๔๔๙๒ พร้อมซองและกระสุนปืน ๘ นัด ราคา ๒,๕๐๐ บาท ของนายสุระดิษฐ์ ชนไทยสงค์ เจ้าทรัพย์คนหนึ่งซึ่งถูกปล้นไปเป็นของกลาง เหตุเกิดตำบลมะกอกหวาน อำเภอไชยบาดาล จังหวัดลพบุรี ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐, ๒๘๘, ๒๘๙, ๘๓ คืนเงินและอาวุธปืนของกลางแก่เจ้าทรัพย์ และให้จำเลยร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน ๒๔,๘๔๙ บาทแก่เจ้าทรัพย์
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ วรรคท้าย และมาตรา ๘๓ ให้จำคุกนายหมูจำเลยที่ ๒ ตลอดชีวิต และให้นายหมูจำเลยที่ ๒ คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน ๓๐,๐๘๒ บาทแก่เจ้าทรัพย์ ปืนของกลางคืนเจ้าทรัพย์ ให้ยกฟ้องนายสง่าจำเลยที่ ๑ เงินของกลางที่ยึดไว้จากนายสง่าจำเลยคืนให้นายสง่าจำเลยไป
จำเลยที่ ๒ ผู้เดียวอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ ๒ เป็นคนร้ายรายนี้จริงดังฟ้อง แต่เห็นว่าศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยที่ ๒ คืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่เจ้าทรัพย์ ๓๐,๐๘๒ บาท เกินคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ที่ขอให้จำเลยคืนหรือใช้แก่เจ้าทรัพย์เพียง ๒๔,๘๔๙ บาท พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ ๒ คืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่เจ้าทรัพย์ ๒๔,๘๔๙ บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้พิพากษาให้นายหมูจำเลยที่ ๒ คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ ๓๐,๐๘๒ บาทแก่เจ้าทรัพย์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๒ ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต่อมา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ ๒ เป็นคนร้ายกระทำผิดในคดีนี้ ฎีกาจำเลยที่ ๒ ฟังไม่ขึ้น
ส่วนฎีกาของโจทก์ที่ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยที่ ๒ คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ ๓๐,๐๘๒ บาทแก่เจ้าทรัพย์โดยอ้างเหตุว่า จำเลยที่ ๒ กับพวกปล้นเอาทรัพย์ไปทั้งหมดราคา ๓๒,๕๘๒ บาท แต่จับได้อาวุธปืน ๑ กระบอก ราคา ๒,๕๐๐ บาทจากจำเลยที่ ๒ และเงิน ๕,๒๓๓ บาทจากจำเลยที่ ๑ เป็นทรัพย์ที่จำเลยกับพวกปล้นเอาไป จึงขอให้ศาลสั่งคืนอาวุธปืนและเงิน ๕,๒๓๓ บาทแก่เจ้าทรัพย์ และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนอีก ๒๔,๘๔๙ บาทแก่เจ้าทรัพย์ ซึ่งเมื่อรวมกันเข้าแล้วก็เท่ากับจำนวนราคาทรัพย์ที่คนร้ายปล้นเอาไปทั้งหมด ศาลยกฟ้องจำเลยที่ ๑ คืนเงิน ๕,๒๓๓ บาทให้จำเลยที่ ๑ ไป ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนจึงต้องเอาเงินจำนวน ๕,๒๓๓ บาทที่ศาลสั่งคืนจำเลยที่ ๑ ไป บวกเข้าอีกด้วยเป็นราคา ๓๐,๐๘๒ บาท ซึ่งโจทก์ได้ขอให้จำเลยที่ ๒ คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนไว้แล้ว ไม่เกินคำขอของโจทก์ ศาลฎีกาพิจารณาปัญหาข้อนี้ในที่ประชุมใหญ่เห็นว่า ตามฟ้องและคำขอท้ายฟ้องของโจทก์พอแปลได้ว่าโจทก์ได้มีคำขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ทั้งหมดที่คนร้ายปล้นเอาไป และยังไม่ได้คืนแก่เจ้าทรัพย์ เพราะข้อความที่ขอให้ศาลสั่งคืนอาวุธปืนกับเงิน ๕,๒๓๓ บาทแก่เจ้าทรัพย์ ก็เป็นส่วนหนึ่งแห่งคำขอให้คืนหรือชดใช้ราคาทรัพย์ที่คนร้ายปล้นเอาไป เมื่อจำนวนเงิน ๕,๒๓๓ บาทที่จับได้จากจำเลยที่ ๑ จะเอามาคืนหรือใช้ให้แก่เจ้าทรัพย์ไม่ได้ เพราะศาลยกฟ้องจำเลยที่ ๑ และคืนเงินจำนวนนี้ให้จำเลยที่ ๑ ไป ก็ต้องถือว่าจำเลยที่ ๒ ยังต้องคืนหรือใช้เงินจำนวน ๕,๒๓๓ บาท ให้ครบจำนวนราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน ตามความหมายในคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ที่ขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ทั้งหมดนั้นด้วย ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๒ คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนรวม ๓๐,๐๘๒ บาทไม่เกินคำขอหรือนอกไปจากที่ได้กล่าวในฟ้องของโจทก์ คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ในข้อนี้ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้จำเลยที่ ๒ คืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่เจ้าทรัพย์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ไข คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฎีกาจำเลยที่ ๒.