คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8824/2542

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

สิทธิของโจทก์มีมูลมาจากสิทธิเรียกร้องของผู้เอาประกันสองรายซึ่งแยกต่างหากจากกันได้ การคิดทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์จึงต้องแยกพิจารณาตามสิทธิเรียกร้องที่โจทก์รับช่วงสิทธิมาจากผู้เอาประกันแต่ละราย เมื่อคดีในส่วนสินค้ากากเมล็ดทานตะวันมีทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นอุทธรณ์ไม่เกิน 200,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 มาตรา 41

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2537 โจทก์ได้รับประกันภัยสินค้ากากเมล็ดทานตะวันไว้จากบริษัทเอส.เค.เอส.พืชมีลแอนด์โปรดิ๊วซ์จำกัด จำนวน 2,027.95 เมตริกตัน หรือ 32,690 กระสอบ ในวงเงินประกัน304,192.50 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 7,738,657.20 บาท สินค้ากากเมล็ดทานตะวันดังกล่าวได้ถูกขนส่งทางทะเลมาโดยเรือลองปิงซึ่งเป็นเรือของจำเลยจากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนมายังกรุงเทพมหานครโดยผู้ขายหรือผู้ส่งของที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ว่าจ้างจำเลยเป็นผู้ทำการขนส่งเพื่อส่งมอบแก่ผู้รับตราส่ง คือ บริษัทเอส.เค.เอส.ฟีชมีลแอนด์ โปรดิ๊วซ์ จำกัด ในกรุงเทพมหานคร จำเลยได้นำสินค้าบรรทุกลงเรือและได้ออกใบตราส่งให้ไว้แก่ผู้ส่งของซึ่งผู้ส่งของได้รับเงินค่าสินค้าผ่านทางธนาคารโดยวิธีการเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตแล้ว แต่เมื่อเรือลองปิงเดินทางมาถึงท่าเรือในประเทศไทย ปรากฏว่าบริษัทโกลด์ชิป จำกัด ตัวแทนในประเทศไทยของจำเลยส่งมอบสินค้าให้แก่บริษัทเอส.เค.เอส.ฟีชมีลแอนด์โปรดิ๊วซ์ จำกัดผู้รับตราส่งไม่ครบ อีกทั้งมีสินค้าบางส่วนเปรอะเปื้อนสารเคมีโซเดียมซัลเฟตคิดเป็นน้ำหนัก 12.642 เมตริกตัน และคิดเป็นค่าเสียหายตามอัตราส่วนของมูลค่าที่เอาประกันภัยไว้กับโจทก์โดยคิดเพียงร้อยละ 60เป็นค่าเสียหายรวมทั้งสิ้น 48,241.87 บาท ซึ่งผู้รับตราส่งได้ทวงถามจำเลยให้ชดใช้เงินจำนวนดังกล่าว ผ่านทางบริษัทโกลด์ซิป จำกัดแต่จำเลยเพิกเฉย โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยจึงได้ชดใช้ค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวให้แก่ผู้รับตราส่งไปเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2537 คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2537 จนถึงวันฟ้องเป็นเงิน1,110.22 บาท รวมเงินต้นและดอกเบี้ยถึงวันฟ้องเป็นเงิน 49,352.09 บาทเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2537 โจทก์ได้ทำสัญญารับประกันภัยสินค้ากากถั่วลิสงจีนไว้จากบริษัท ส.ไทยเจริญพรพาณิชย์ จำกัด ผู้รับตราส่งจำนวน 3,077.167 เมตริกตัน ในวงเงินประกันภัย 768,060.89 ดอลล่าร์สหรัฐหรือ 19,385,856.86 บาท สินค้ากากถั่วลิสงจีนดังกล่าวถูกขนส่งทางทะเลโดยเรือลองปิงซึ่งเป็นเรือของจำเลยจากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนมายังกรุงเทพมหานคร โดยในการขนส่งสินค้ากากถั่วลิสงจีนดังกล่าวผู้ขายได้สั่งให้ตัวแทนของตนเป็นผู้ส่งของซึ่งได้ว่าจ้างจำเลยทำการขนส่ง จำเลยได้นำสินค้าบรรทุกลงเรือและได้ออกใบตราส่งให้ไว้แก่ผู้ส่งของ ผู้ส่งของได้รับเงินค่าสินค้าผ่านทางธนาคารโดยวิธีการเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตแล้ว แต่เมื่อเรือลองปิงเดินทางมาถึงท่าเรือกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2537 ปรากฏว่าส่งมอบสินค้ากากถั่วลิสงจีนให้แก่ผู้รับตราส่งไม่ครบ โดยส่งมอบขาดไป 153.097เมตริกตัน คิดเป็นค่าเสียหายตามมูลค่าที่เอาประกันภัย โดยโจทก์หักค่าเสียหายส่วนแรกร้อยละหนึ่งของจำนวนสินค้าทั้งหมดออกจากสัญญาประกันภัยแล้ว คำนวณค่าเสียหายได้ 770635.76 บาท โจทก์ได้จ่ายเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่ผู้รับตราส่งไปตามสัญญาประกันภัยเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2537 คิดดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 30กันยายน 2537 ถึงวันฟ้องเป็นเงิน 22,372.32 บาท รวมเงินต้นและดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องเป็นเงิน 792,963.08 บาท โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยสินค้าทั้งสองรายข้างต้นได้ชำระค่าเสียหายให้แก่ผู้รับตราส่งซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยแล้ว จึงได้รับช่วงสิทธิมาเรียกร้องให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าวให้แก่โจทก์ โจทก์ได้ทวงถามแล้วแต่จำเลยเพิกเฉยขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่าเสียหายทั้งสองรายการ รวม 842,315.17บาท กับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีจากต้นเงิน 818,877.63 บาทนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง

ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 48,241.87 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2537 และเงินจำนวน 770,635.76 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 30 กันยายน 2537 จนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดใช้ค่าเสียหายมูลหนี้สินค้ากากเมล็ดทานตะวันพร้อมทั้งดอกเบี้ยถึงวันฟ้องเป็นเงิน 49,352.09 บาทและมูลหนี้สินค้ากากถั่วเหลืองจีนพร้อมทั้งดอกเบี้ยถึงวันฟ้องเป็นเงิน792,963.08 บาท แม้โจทก์จะนำมูลหนี้ทั้งสองรายมารวมกันเป็นทุนทรัพย์พิพาทเพื่อฟ้องเรียกร้องให้จำเลยรับผิดเป็นคดีนี้ก็ตาม แต่สิทธิของโจทก์มีมูลมาจากสิทธิเรียกร้องของผู้เอาประกันสองรายซึ่งแยกต่างหากจากกันได้ดังนี้ การคิดทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์จึงต้องแยกพิจารณาตามสิทธิเรียกร้องที่โจทก์รับช่วงสิทธิมาจากผู้เอาประกันแต่ละราย เมื่อคดีในส่วนสินค้ากากเมล็ดทานตะวันมีทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นอุทธรณ์ไม่เกิน200,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศพ.ศ. 2539 มาตรา 41 จำเลยอุทธรณ์ว่า พยานหลักฐานฟังได้ว่าสินค้ากากเมล็ดทานตะวันไม่ได้สูญหายหรือเสียหายในระหว่างการขนส่ง จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชอบในความสูญหายหรือเสียหายของสินค้ากากเมล็ดทานตะวันอันเป็นการอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางที่วินิจฉัยว่าสินค้ากากเมล็ดทานตะวันสูญหายและเสียหายในระหว่างอยู่ในความดูแลของจำเลยจึงเป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าวที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางรับอุทธรณ์ของจำเลยสำหรับคดีในส่วนนี้ จึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยคดีคงมีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า จำเลยต้องรับผิดในความเสียหายของสินค้ากากถั่วลิสงจีนหรือไม่ จำเลยอุทธรณ์ว่าสินค้ากากถั่วลิสงจีนไม่ได้เสียหายในระหว่างการขนส่ง และการขนส่งสินค้ารายพิพาทเป็นการขนส่งภายใต้เงื่อนไข F.I.O.S.T. จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดฟังได้ว่าเรือลองปิงได้รับสินค้ากากถั่วลิสงจีนจากผู้ส่งของตามปริมาณและน้ำหนักที่ระบุในใบกำกับสินค้าและใบตราส่งเอกสารหมาย จ.12และ จ.14 แต่เมื่อเรือลองปิงบรรทุกสินค้ามาจอดเทียบท่าเรือของการท่าเรือแห่งประเทศไทย และมีการตรวจสอบสินค้าโดยบริษัทแอสโซซิเอเต็ดมารีน เซอร์เวเยอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งได้ตรวจสอบสภาพสินค้าที่วางกองในระวางเรือตามผังบรรทุก เมื่อเปิดฝาระวางเม็กกรีเกอร์ของเรือไม่พบร่องรอยของน้ำรั่วไหลเข้าไปในช่องระวางสินค้า แต่เมื่อมีการขนถ่ายสินค้าลงเรือฉลอมโดยใช้ที่ตักเหล็กก้ามปูและปั้นจั่น ปรากฏว่าสินค้ากากถั่วลิสงจีนจำนวนหนึ่งหลุดจากเหล็กก้ามปูหล่นลงไปในแม่น้ำเมื่อขนสินค้าจากเรือฉลอมขึ้นบกแล้วชั่งน้ำหนักปรากฏว่าสินค้าดังกล่าวมีน้ำหนักขาดไปจำนวน 153.097 เมตริกตัน แสดงให้เห็นว่าสินค้ากากถั่วลิสงจีนขาดหายไปขณะอยู่ในระหว่างการขนส่งและอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของจำเลย ข้อที่จำเลยอุทธรณ์ว่า สินค้าพิพาทขนส่งภายใต้เงื่อนไขแบบ FREEINAND OUT STOWED AND TRIMMED(F.I.O.S.T.) ซึ่งมีความหมายว่า ผู้ส่งสินค้ามีหน้าที่นำสินค้าลงเรือด้วยค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงภัยของผู้ส่งสินค้าเอง และเมื่อเรือถึงท่าปลายทางผู้รับตราส่งมีหน้าที่ขนถ่ายสินค้าออกจากเรือด้วยค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงภัยของผู้รับตราส่งนั้น เห็นว่า จำเลยเป็นผู้ขนส่งสินค้าพิพาทและเป็นผู้ออกใบตราส่งเอกสารหมาย จ.14 แต่ใบตราส่งดังกล่าวไม่ปรากฏว่าได้ระบุว่าการขนส่งสินค้าพิพาทเป็นการขนส่งภายใต้เงื่อนไขในแบบ F.I.O.S.T.ดังที่จำเลยอ้าง จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์”

พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความในชั้นนี้ 15,000 บาทแทนโจทก์ คืนค่าขึ้นศาลส่วนที่ชำระเกินมาในชั้นอุทธรณ์จำนวน1,235 บาท ให้แก่จำเลย

Share