แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยบรรยายฟ้องว่าปืนนั้นเป็นปืนมีทะเบียนแล้ว จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง แม้จะให้การด้วยว่าปืนนั้นเป็นปืนไม่มีทะเบียน ศาลก็ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนไว้ในครอบครองตามคำรับของจำเลยเองด้วยไม่ได้ เพราะเป็นการพิพากษาเกินคำขอที่โจทก์มิได้กล่าวในฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบา มิได้ขอให้รอการลงโทษ ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจพิพากษาให้รอการลงโทษได้ เพราะไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 และไม่มีบทบัญญัติห้ามศาลมิให้ใช้ดุลพินิจให้เป็นคุณแก่จำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจมีอาวุธปืนพกออโตเมติค ขนาด .32หนึ่งกระบอก มีทะเบียนใช้ยิงได้ กับมีกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพกพาอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนดังกล่าวไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 7,72; (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง และรับว่าปืนของกลางเป็นปืนไม่มีทะเบียน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ให้จำคุกจำเลย 1 ปีจำเลยรับสารภาพโดยดี ปรานีลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 78 แล้วรวมกระทงลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ให้จำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 6 เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบา
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า แม้จำเลยจะรับว่าปืนของกลางเป็นปืนไม่มีทะเบียน แต่ตามฟ้องกล่าวว่าเป็นปืนมีทะเบียนแล้ว คำรับของจำเลยจึงไม่มีผลเปลี่ยนแปลงข้อความในฟ้อง คงฟังได้ตามฟ้องว่าเป็นปืนมีทะเบียนแล้ว ซึ่งอยู่ในความครอบครองของผู้ใด ผู้นั้นควรได้รับโทษเบากว่าผู้ที่ครอบครองปืนไม่มีทะเบียน พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง แต่ให้ลงโทษฐานมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ ซึ่งเป็นกระทงหนักที่สุดแต่เพียงกระทงเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ให้จำคุกจำเลย 6 เดือน จำเลยรับสารภาพโดยดี มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน แต่ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 1 ปี ตามมาตรา 56 ให้คืนของกลางแก่เจ้าของไป
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ความจริงของกรณีนี้จะเป็นประการใดก็ตาม เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องขอให้ศาลลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยอ้างว่าปืนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเป็นปืนมีทะเบียนเช่นนี้แล้ว ศาลจะลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนไว้ในครอบครองตามคำรับของจำเลยเองด้วยไม่ได้เป็นการพิพากษาเกินคำขอที่โจทก์มิได้กล่าวในฟ้อง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องคลาดเคลื่อนจากสำนวนการสอบสวนไป โจทก์ก็ยังมีโอกาสขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องเสียให้ถูกต้องในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163 เมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวนั้นแล้ว ศาลก็ต้องพิจารณาตามข้อหาที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยเท่านั้น ไม่อาจพิจารณานอกเหนือไปจากคำขอหรือข้อที่มิได้กล่าวในฟ้องได้ ส่วนข้อที่ว่าจำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษ มิได้ขอให้รอการลงโทษจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไม่ถูกต้องนั้น เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 ห้ามมิให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลย เว้นแต่โจทก์จะอุทธรณ์ในทำนองนั้น ไม่มีบทบัญญัติห้ามศาลมิให้ใช้ดุลพินิจให้เป็นคุณแก่จำเลยดังกรณีนี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษามาชอบแล้ว
พิพากษายืน