คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8804/2559

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บทบัญญัติ ป.วิ.พ. มาตรา 175 ระบุว่า หากโจทก์ถอนฟ้องภายหลังจำเลยยื่นคำให้การแล้ว ศาลจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตหรืออนุญาตภายในเงื่อนไขตามที่เห็นสมควรก็ได้ แต่ห้ามไม่ให้ศาลอนุญาตโดยมิได้ฟังจำเลยก่อนเท่านั้น ไม่มีข้อห้ามว่า หากจำเลยคัดค้าน ศาลจะอนุญาตให้ถอนฟ้องไม่ได้ กรณีเป็นดุลพินิจของศาลที่ต้องพิจารณาถึงผลได้ผลเสียของคู่ความทุกฝ่าย ประเด็นข้อพิพาทในคดีนี้มีว่า จำเลยจัดการสินสมรสเป็นที่เสียหายแก่สินสมรสและสมควรอนุญาตให้โจทก์เป็นผู้จัดการสินสมรสเพียงฝ่ายเดียวหรือไม่ เมื่อศาลชั้นต้นในคดีอื่นมีคำสั่งให้จำเลยเป็นคนไร้ความสามารถและตั้งโจทก์เป็นผู้อนุบาล ย่อมผูกพันโจทก์และจำเลย ทำให้โจทก์มีอำนาจจัดการสินสมรสเพียงฝ่ายเดียวภายใต้บทบัญญัติของกฎหมาย จึงถือไม่ได้ว่าการที่โจทก์ฟ้องและถอนฟ้องเป็นการที่โจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตแต่ประการใด แม้จำเลยคัดค้านคำร้องขอถอนฟ้อง ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจึงชอบแล้ว
โจทก์ฟ้องขอเพิกถอนอำนาจจัดการสินสมรสของจำเลย ย่อมไม่กระทบสิทธิของผู้ร้องสอดในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในทรัพย์สินที่ผู้ร้องสอดกล่าวอ้าง สิทธิของผู้ร้องสอดจะมีอยู่เพียงใด ก็คงมีอยู่เพียงนั้น ทั้งการที่ผู้ร้องสอดซึ่งเป็นบุคคลภายนอกจะเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ได้ก็จำต้องมีโจทก์จำเลยเดิมว่าคดีกันต่อไป แต่เมื่อศาลอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องและจำหน่ายคดีจากสารบบความเสียแล้ว จึงไม่มีโจทก์จำเลยเดิมว่าคดีกันอีก เป็นเรื่องที่ผู้ร้องสอดจะดำเนินคดีของตนในทางอื่นต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้เพิกถอนอำนาจจัดการสินสมรสของจำเลย กับให้โจทก์เป็นผู้จัดการสินสมรสแต่เพียงผู้เดียว
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยเป็นคนไร้ความสามารถและตั้งโจทก์เป็นผู้อนุบาล ตามคดีหมายเลขแดงที่ 202/2558 ของศาลชั้นต้น สำหรับคดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งนายธนากร เป็นผู้แทนเฉพาะคดีของจำเลย
นายธนากร ยื่นคำร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความอ้างว่า ได้ฝากเงินไว้ที่จำเลยเพื่อการลงทุนโดยมอบให้จำเลยมีอำนาจบริหารจัดการ จึงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ พันธบัตรรัฐบาล และเงินฝากในธนาคารร่วมกับจำเลย ขอร้องสอดเข้าเป็นคู่ความเพื่อพิสูจน์ว่าทรัพย์สินดังกล่าวไม่ใช่สินสมรส ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องสอด
โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องอ้างว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยเป็นคนไร้ความสามารถและตั้งโจทก์เป็นผู้อนุบาลแล้ว โจทก์จึงไม่ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป
จำเลยแถลงคัดค้านว่า ขอให้ศาลพิจารณาคดีต่อไปเพื่อให้ได้ความกระจ่าง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง ค่าขึ้นศาลที่โจทก์วางไว้ 200 บาท ไม่คืน จำหน่ายคดีจากสารบบความ
จำเลยและผู้ร้องสอดอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยและผู้ร้องสอดฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า โจทก์ฟ้องขอเพิกถอนอำนาจจัดการสินสมรสของจำเลย เนื่องจากจำเลยมีภาวะสมองเสื่อม เพื่อให้โจทก์เป็นผู้จัดการสินสมรสเพียงผู้เดียว ระหว่างพิจารณาคดี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคดีหมายเลขแดงที่ 202/2558 ให้จำเลยเป็นคนไร้ความสามารถและตั้งโจทก์เป็นผู้อนุบาล โจทก์จึงยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง ผู้แทนเฉพาะคดีของจำเลยคัดค้าน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า คำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้มีประเด็นข้อพิพาทเพียงว่า จำเลยจัดการสินสมรสเป็นที่เสียหายแก่สินสมรสและสมควรอนุญาตให้โจทก์เป็นผู้จัดการสินสมรสเพียงฝ่ายเดียวหรือไม่ เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามคดีหมายเลขแดงที่ 202/2558 ให้จำเลยเป็นคนไร้ความสามารถและตั้งโจทก์เป็นผู้อนุบาล ย่อมผูกพันโจทก์และจำเลยทำให้โจทก์มีอำนาจจัดการสินสมรสเพียงฝ่ายเดียวภายใต้บทบัญญัติของกฎหมาย จึงถือไม่ได้ว่าการที่โจทก์ฟ้องและถอนฟ้องเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตแต่ประการใด แม้จำเลยคัดค้านคำร้องขอถอนฟ้อง แต่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 175 ซึ่งเป็นบทบัญญัติในเรื่องโจทก์ขอถอนฟ้องระบุว่า หากถอนฟ้องภายหลังจำเลยยื่นคำให้การแล้ว ศาลจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตหรืออนุญาตภายในเงื่อนไขตามที่เห็นสมควรก็ได้ แต่ห้ามไม่ให้ศาลอนุญาตโดยมิได้ฟังจำเลยก่อนเท่านั้น ไม่มีข้อห้ามว่า หากจำเลยคัดค้านไม่ยอมให้ถอนฟ้อง ศาลอนุญาตให้ถอนฟ้องไม่ได้ดังที่จำเลยฎีกา การจะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องคดีแพ่งหรือไม่ เป็นดุลพินิจของศาลที่ต้องพิจารณาถึงผลได้ผลเสียของคู่ความทุกฝ่าย สำหรับคดีนี้ แม้โจทก์จะไม่ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง แต่ผลของคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ 202/2558 ผูกพันโจทก์จำเลยในคดีนี้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจดำเนินคดีนี้ต่อจำเลยอีกต่อไป การที่โจทก์มายื่นคำร้องขอถอนฟ้องจึงชอบด้วยเหตุผลตามกฎหมาย มิใช่กรณีโจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจึงชอบแล้ว ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
ส่วนฎีกาของผู้ร้องสอดที่ขอเข้ามาเป็นคู่ความในคดีนี้ เห็นว่า โจทก์ฟ้องขอเพิกถอนอำนาจจัดการสินสมรสของจำเลยย่อมไม่กระทบสิทธิของผู้ร้องสอดในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในทรัพย์สินที่ผู้ร้องสอดกล่าวอ้าง สิทธิของผู้ร้องสอดจะมีอยู่เพียงใด ก็คงมีอยู่เพียงนั้น ทั้งการที่ผู้ร้องสอดซึ่งเป็นบุคคลภายนอกจะเข้ามาเป็นคู่ความได้ก็จำต้องมีโจทก์จำเลยเดิมว่าคดีกันต่อไป แต่เมื่อศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องและจำหน่ายคดีจากสารบบความเสียแล้วจึงไม่มีโจทก์จำเลยเดิมว่าคดีกันอีก เป็นเรื่องที่ผู้ร้องจะดำเนินคดีของตนในทางอื่นต่อไป ที่ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องสอดนี้ชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องสอดฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ศาลชั้นต้นยังมิได้มีคำสั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมเกี่ยวกับคำร้องสอดและศาลอุทธรณ์มิได้มีคำสั่งแก้ไข ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษายืน ให้คืนค่าคำร้องสอดแก่ผู้ร้องสอด ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share