คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 880/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องหาว่าจำเลยกระทำผิด 2 ฐาน คือฐานมีเฮโรอีนผิดกฎหมายกับฐานเสพเฮโรอีน แต่คำขอท้ายฟ้องโจทก์อ้างบทมาตราที่ขอให้ลงโทษฐานมีเฮโรอีนผิดกฎหมายมิได้อ้างมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 ซึ่งเป็นบทลงโทษฐานเสพเฮโรอีนด้วย ฟ้องของโจทก์ฐานเสพเฮโรอีนจึงขาดการอ้างมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิด ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(6) จึงเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์สำหรับการกระทำความผิดฐานนี้ ลงโทษจำเลยฐานเสพเฮโรอีนด้วยไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกระทง คือ
ก. จำเลยมีเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดต้องห้ามตามกฎหมายโดยเด็ดขาดไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมายและมิได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี
ข. จำเลยได้เสพเฮโรอีนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย
เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยเฮโรอีนและเทียนไข กรวยตะกั่วหลอดดูด ไม้ขีดไฟ ซึ่งเป็นของที่จำเลยมีไว้และใช้ในการกระทำผิดเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๔๖๕ มาตรา ๔ ทวิ, ๑๔, ๒๐ ตรี, ๒๖, ๒๙ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๒ มาตรา ๘ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๔ มาตรา ๔, ๗, ๑๒ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธรับข้อเคยต้องโทษพ้นโทษ แต่ต่อมารับสารภาพตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยกระทำความผิดตามบทกฎหมายที่อ้างมาในคำขอท้ายฟ้องทุกมาตรา ให้จำคุกฐานมีเฮโรอีน ๑ ปี ฐานเสพเฮโรอีน ๒ ปี รวมจำคุก ๓ ปี เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งเป็นจำคุก ๔ ปี ๖ เดือน ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลดโทษที่จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยจำนนต่อพยานหลักฐาน ศาลชั้นต้นไม่ลดโทษให้นั้นชอบแล้ว แต่จะลงโทษจำเลยฐานเสพเฮโรอีนไม่ได้ เพราะคำขอท้ายฟ้องมิได้อ้างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๔๖๕ มาตรา ๒๒ ด้วย พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดฐานมีเฮโรอีนตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษเท่าที่อ้างในคำขอท้ายฟ้อง กับประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๘๓ ให้จำคุก ๑ ปี เพิ่มโทษอีกกึ่งหนึ่ง เป็นจำคุก ๑ ปี ๖ เดือน ไม่ลงโทษฐานเสพเฮโรอีน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษฐานเสพเฮโรอีนด้วย
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาว่า จะลงโทษจำเลยฐานเสพเฮโรอีนได้หรือไม่นั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยทำผิด ๒ ฐาน คือ ฐานมีเฮโรอีนผิดกฎหมายกับฐานเสพเฮโรอีน แต่ในคำขอท้ายฟ้องโจทก์ อ้างบทมาตราที่ขอให้ลงโทษฐานมีเฮโรอีนผิดกฎหมาย แต่มิได้อ้างมาตรา ๘ แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๔ ซึ่งเป็นบทลงโทษฐานเสพเฮโรอีนด้วยฟ้องของโจทก์ฐานเสพเฮโรอีนจึงขาดการอ้างมาตราในกฎหมาย ซึ่งบัญญัติว่า การกระทำเช่นนั้นเป็นความผิดตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘(๖) และเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์สำหรับการกระทำผิดฐานนี้จะลงโทษจำเลยฐานเสพเฮโรอีนด้วยไม่ได้ ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้นั้นชอบแล้วฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share