แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
+คดีเรื่องโฆษนาหมิ่นประมาท+จะต้องพิจารณาดูข้อความโฆษณาทั้งหมดประกอบกัน+พิเคราะห์ถึงความมุ่งหมายอันแท้จริงของคำโฆษนา จะตัดตอนเอาแต่+เพาะตอนใดตอนหนึ่งขึ้นพิจารณาหาได้ไม่ วิธีพิจารณาอาชญา ฟ้อง,ตัดสิน
ย่อยาว
คดีนี้เดิมโจทก์ถูกฟ้องหาว่าแจ้งความเท็จ กระทำพะยานเท็จแลแกล้งหาว่า ช.กับพวกบอยคอตสินค้ายี่ปุ่นแลเป็นคอมมิวนิสต์ศาลโบริสภาไต่สวนเห็นว่าคดีมีมูล จึงให้ส่งฟ้องยังศาลสูง จำเลยเป็นเจ้าของแลบรรณาธิการหนังสือพิมพ์รายวันได้ลงข้อความว่า”ฯลฯ ศาลอ่านคำสั่งมีความว่านายเล่าซื้อ+กับพวกมิได้สมคบกับบอยคอตสินค้ายี่ปุ่น แลมิได้เป็นคอมมูนิสต์ จึงเห็นว่านายเองกิมแช (คือโจทก์) มีผิดฐานฟ้อง เท็จหรือแจ้งความเท็จตามข้อหาของโจทก์จริง จึงอนุญาตให้โจทก์ฟอ้งจำเลยยังศาลพระราชอาชญาได้ ฯลฯ” โจทก์จึงฟ้องว่าข้อความที่จำเลยโฆษนาเป็นการกล่าวหาว่าโจทก์ถูกศาลพิพากษาว่ามีผิดฐานฟ้องเท็จหรือแจ้งความเท็จ ซึ่งมิใช่ความจริงจึงเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์
ศาลเดิมแลศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลฎีกาเห็นว่าเรื่องโฆษณาหมิ่นประมาทนั้น จะตัดตอนเอาแต่ฉะเพาะข้อความตอนใด ตอนหนึ่งขึ้นพิจารณาหาได้ไม่เพราะข้อความทั้งเรื่องย่อมเกี่ยวโยงถึงกันแลต่างประกอบซึ่งกันแลกันให้เห็น ความหนักเบาแลความมุ่งหมายอันแท้จริงของคำโฆษนาในเรื่องนี้จึงต้องพิจารณาข้อความที่จำเลยโฆษนาทั้งหมดรวมกัน แลเห็นว่าถ้อยคำบางคำที่จำเลยโฆษนา แม้จะแรงไปกว่าถ้อยคำที่แม้จริงไปบ้างเมื่ออ่านทั้งหมดรวมกันแล้ว ก็คงได้ความว่าศาลเห็นว่าคดีมีมูลแลอนุญาตให้ฟ้องยังศาลพระราชอาชญา หาใช่เป็นเรื่องที่ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยทีเดียวไม่ จึงเห็นว่าถ้อยคำที่จำเลยโฆษนาไม่เป็นการผิดจากใจความแห่งคำสั่งของศาล จึงไม่เป็นการหมิ่นประมาทดังฟ้องของโจทก์ พิพากษายืนตามศาลล่าง