คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8799/2542

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นธนาคารพาณิชย์ ดำเนินธุรกิจเพื่อหากำไร หากโจทก์ตรวจสอบทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 ให้ดีก่อนฟ้องแล้ว โจทก์ย่อมทราบว่าจำเลยที่ 2 มีที่ดินที่จำนองแก่โจทก์อีก 5 แปลง ซึ่งสามารถยึดมาชำระหนี้จำนองและยังมีเงินเหลือที่จะนำมาชำระหนี้โจทก์ได้อีก ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 มีทรัพย์สินพอที่จะชำระหนี้โจทก์ได้ทั้งหมด
การมีหนี้สินล้นพ้นตัวหรือไม่เป็นเรื่องเฉพาะตัวของลูกหนี้ร่วมแต่ละคน แม้หนี้ตามคำพิพากษาที่จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดเป็นหนี้ร่วมและจำเลยที่ 2 มีทรัพย์สินเพียงพอที่จะชำระหนี้ให้โจทก์ได้ทั้งหมดก็ตามแต่โจทก์สามารถเรียกให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ได้เต็มจำนวนเมื่อจำเลยที่ 1ไม่มีทรัพย์สินที่จะพึงยึดมาชำระหนี้ได้ จึงต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าจำเลยที่ 1มีหนี้สินล้นพ้นตัวตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 8(5)นอกจากนี้จำเลยที่ 1 ไม่เคยติดต่อขอชำระหนี้ให้แก่โจทก์แต่อย่างใดพฤติการณ์แห่งคดีจึงไม่มีเหตุที่ไม่ควรให้จำเลยที่ 1 ล้มละลาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาตามยอมคดีหมายเลขแดงที่ 1820/2529 ของศาลจังหวัดนนทบุรี ซึ่งพิพากษาให้จำเลยทั้งสองกับนายหลี วงศ์จันทร์ ร่วมกันชำระเงิน 784,394.14 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ให้โจทก์ แต่จำเลยทั้งสองไม่ชำระโจทก์ดำเนินการบังคับคดียึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2531 แล้ว เหลือหนี้ที่จำเลยทั้งสองเป็นหนี้โจทก์ 914,120.24 บาท ต่อมาเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2534จำเลยที่ 2 ได้ชำระหนี้ให้โจทก์อีก 200,000 บาท หลังจากนั้นจำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้แก่โจทก์อีกเลย คำนวณยอดหนี้ถึงวันฟ้องเป็นเงิน1,576,933.24 บาท โจทก์สืบหาทรัพย์สินของจำเลยทั้งสองแต่ไม่มีทรัพย์สินอย่างหนึ่งอย่างใดที่จะพึงยึดมาชำระหนี้ได้ จำเลยทั้งสองเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองเด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยทั้งสองเป็นบุคคลล้มละลาย

จำเลยที่ 1 ไม่ยื่นคำให้การ

จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันนายหลี โจทก์ต้องฟ้องนายหลีซึ่งเป็นลูกหนี้ชั้นต้นก่อน หากไม่ได้รับชำระหนี้แล้วจึงมีสิทธิฟ้องผู้ค้ำประกัน เมื่อโจทก์ไม่ได้ฟ้องนายหลีด้วย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง และคดีขาดอายุความแล้ว จำเลยที่ 2 มีทรัพย์สินเพียงพอชำระหนี้ให้แก่โจทก์ได้ จำเลยที่ 2 ไม่เป็นบุคคลผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์แผนกคดีล้มละลายพิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยคู่ความมิได้ฎีกาโต้แย้งคัดค้านว่าจำเลยทั้งสองเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาตามยอมคดีหมายเลขแดงที่ 1820/2529 ของศาลจังหวัดนนทบุรี แต่จำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ โจทก์ดำเนินการบังคับคดียึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แล้วแต่ไม่พอชำระหนี้ จำเลยทั้งสองยังคงเป็นหนี้โจทก์คิดถึงวันฟ้องเป็นเงิน 1,576,933.24 บาท

มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยทั้งสองมีหนี้สินล้นพ้นตัวหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์เป็นธนาคารพาณิชย์ดำเนินธุรกิจเพื่อหากำไร การที่โจทก์รับจำนองที่ดินในราคา 8,000,000 บาทเป็นการแสดงให้เห็นว่าที่ดินดังกล่าวมีราคาที่แท้จริงสูงกว่า 8,000,000บาท ทั้งปรากฏจากคำเบิกความของจำเลยที่ 2 ว่า ที่ดินดังกล่าวมีราคา12,000,000 บาท หากโจทก์ตรวจสอบทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 ให้ดีก่อนฟ้องคดีนี้แล้ว โจทก์ย่อมทราบว่าจำเลยที่ 2 มีที่ดินที่จำนองแก่โจทก์อีก5 แปลง ซึ่งสามารถยึดมาชำระหนี้จำนองได้และยังมีเงินเหลือที่จะนำมาชำระหนี้ในคดีนี้ได้อีกด้วย ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 มีทรัพย์สินพอที่จะชำระหนี้โจทก์ได้ทั้งหมด ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 2 นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย

สำหรับจำเลยที่ 1 แม้ข้อเท็จจริงจะฟังว่าหนี้ตามคำพิพากษาที่จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดเป็นหนี้ร่วม และจำเลยที่ 2 มีทรัพย์สินเพียงพอที่จะชำระหนี้ให้โจทก์ได้ทั้งหมดก็ตาม แต่การมีหนี้สินล้นพ้นตัวหรือไม่เป็นเรื่องเฉพาะตัวของลูกหนี้ร่วมแต่ละคน และโจทก์สามารถเรียกให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ได้เต็มจำนวน จึงมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1มีหนี้สินล้นพ้นตัวหรือไม่ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 ไม่มีทรัพย์สินที่จะพึงยึดมาชำระหนี้ได้ จึงต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าจำเลยที่ 1 มีหนี้สินล้นพ้นตัวตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 8(5)นอกจากนี้ยังปรากฏจากคำเบิกความของนางสาวสุธาตอบคำถามค้านของทนายจำเลยที่ 1 ว่า จนถึงปัจจุบันจำเลยที่ 1 ไม่เคยติดต่อขอชำระหนี้ให้แก่โจทก์แต่อย่างใด พฤติการณ์แห่งคดีจึงไม่มีเหตุที่ไม่ควรให้จำเลยที่ 1ล้มละลาย”

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 1 เด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share