แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีมรดกที่มีผู้จัดการทรัพย์มรดก ทายาทไนกองมรดก+อำนาดฟ้องแบ่งมรดกจากทายาทด้วยกันได้
ย่อยาว
ได้ความว่า ก่อนที่เจ้าแก้วนวรัตนผู้ครองนครเชียงไหม่ถึงแก่พิราลัย ได้ทำพินัยกัมแบ่งปันทรัพย์มรดกไห้แก่ทายาท ตามพินัยกัมข้อ ๔ ไนการจัดการแบ่งปันทรัพย์ตามพินัยกัมไห้สุดแล้วแต่พระราชชายาทั้งสิ้น ถ้าไม่สามารถจะจัดการได้ ไห้บุตรที่มีความสามารถและมีตัวหยู่ปรึกสากันจัดการต่ไป ฯลฯ เมื่อเจ้ามรดกถึงแก่พิราลัยแล้วทายาทได้ตกลงกันตั้งไห้โจทที่สองเปนผู้จัดการทรัพย์มรดก ต่อมาโจทที่สองขอลาออก จนกะทั่งถึงพระยาอมรริทธิธำรงข้าหลวงประจำจังหวัดได้เปนจัดการตามคำสั่งสาลข้อหลวงประจำจังหวัดได้รวบรวมขายทอดตลาดและแบ่งปันไปบ้างแล้ว ส่วนทรัพย์ที่โจทฟ้องนี้ตกหยู่ที่จำเลย ผู้จัดการมรดกได้เรียกร้องไห้จำเลยส่ง จำเลยโต้แย้งไม่ยอมส่งและผู้จัดการมรดกก็มิได้จัดการประการไดจนถึงวันที่จะครบกำหนดอายุความ ๑ ปี โจทจึงได้ฟ้องคดีนี้
สาลชั้นต้นพิจารนาแล้วพิพากสาไห้จำเลยส่งทรัพย์ตามบัญชีที่ปรากตตามคำพิพากสามาประมูนหรือขายทอดตลาดแล่งปันไห้โจท
โจทและจำเลยที่ ๑ อุธรน์ สาลอุธรน์เห็นว่าโจทซึ่งเปนทายาทไม่มีสิทธิที่จะฟ้องจำเลยซึ่งเปนทายาทด้วยกัน ควนไห้ผู้จัดการมรดกเปนผู้จัดการฟ้อง จึงพิพากสากลับไห้ยกฟ้อง
โจทดีกา สาลดีกาพร้อมกับเห็นว่า แม้มรดกนั้นจะมีผู้จัดการหยู่แล้ว ทายาทก็ยังมีสิทธิที่จะฟ้องร้องกันเองได้ตามประมวนกดหมายแพ่งและพานิชย์มาตรา ๑๕๙๙ และทั้งไม่มีบทมาตราไดไนประมวนกดหมายแพ่งและพานิชย์ห้ามมิไห้ฟ้องร้องไนกรนีเช่นนี้ แต่จะเห็นได้ตามมาตรา ๑๗๓๗ แม้แต่เจ้าหนี้มรดกจะฟ้องร้องทายาทคนไดก็ได้ ถ้ามีผู้จัดการมรดกก็ไห้เรียกเข้ามาไนคดีด้วยซึ่งสแดงไห้เห็นว่า แม้มรดกมีผู้จัดการแล้วเจ้าหนี้ก็ยังฟ้องทายาทได้จึงพร้อมกันไห้ยกคำพิพากสาสาลอุธรน์ แล้วย้อมสำนวนไปไห้สาลอุธรน์พิจารนาพิพากสาอุธรน์ของโจทจำเลยต่อไป