แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีร้องขัดทรัพย์ที่มีประเด็นว่าที่พิพาทที่โจทก์นำยึดเป็นของผู้ร้องขัดทรัพย์หรือเป็นของจำเลยนั้น เมื่อศาลได้วินิจฉัยว่า จำเลยเป็นเจ้าของที่รายพิพาทแล้ว ดังนี้ ย่อมรวมถึงว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองที่พิพาทด้วย
ย่อยาว
คดีนี้ ผู้ร้องขัดทรัพย์ยื่นคำร้องว่า ที่ดินเนื้อที่ 24 ไร่เศษ ตามใบนำเลขที่ 34 ที่โจทก์นำยึดเป็นของผู้ร้องครอบครองมาอย่างเจ้าของ ขอให้ถอนการยึด
โจทก์ให้การแก้คดีว่า ที่ดินตามใบนำที่ 34 เนื้อที่ 206 ไร่ 1 งาน 52 วา เดิมเป็นของนางเกิด นางตาล ๆ ขายให้นายเติมนายเพิ่ม ต่อมานายเพิ่มตาย นายสงวนบุตรนายเพิ่มรับมรดก แล้วจดทะเบียนทำนิติกรรมขายส่วนที่รับมรดกให้นายโตสามี จำเลย 103 ไร่ 76 วา ผู้ร้องก็ทราบหาคัดค้านอย่างไรไม่ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นฟังว่า นายโตสามีจำเลยได้ซื้อที่ดินตามใบนำที่34 ครึ่งหนึ่ง ซึ่งรวมถึงที่พิพาทด้วย ที่พิพาทจึงเป็นของจำเลยโจทก์จึงยึดมาขายทอดตลาดได้ ให้ยกคำร้องขัดทรัพย์
ผู้ร้องขัดทรัพย์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คดีมีประเด็นว่า ฝ่ายใดเป็นผู้ครอบครองที่พิพาท ศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยเรื่องการครอบครองที่พิพาท ซึ่งเป็นข้อแพ้ชนะในคดี พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลชั้นต้นได้พิจารณาและพิพากษาไปถึงว่าจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินรายพิพาท ซึ่งก็รวมตลอดถึงการครอบครองด้วยแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยเรื่องครอบครองอีก
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ตามรูปคดี