แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ร่วมกับจำเลยพักอาศัยอยู่ในตึกแถวซึ่งอยู่ติดต่อกันโจทก์ร่วมอยู่ชั้นล่าง จำเลยอยู่ชั้นที่สาม เติมใช้น้ำประปาร่วมกัน ภายหลังโกรธเคืองกัน โจทก์ร่วมจึงไปขอใช้น้ำประปาเองวันเกิดเหตุโจทก์ร่วมให้ช่างประปามาตัดท่อน้ำประปาที่ส่งน้ำจากตึกแถวจำเลยไปยังห้องของโจทก์ร่วมตรงบริเวณใกล้กับวาล์วเปิดปิดน้ำที่จะส่งไปยังห้องของโจทก์ร่วมออกไปเมื่อฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้เปิดวาล์วเปิดปิดน้ำดังกล่าวและระหว่างตึกแถวของโจทก์ร่วมและจำเลยมีเพียงไม้อัดกั้นประกอบกับคำพูดของจำเลยที่ว่าจะเปิดวาล์วเปิดปิดน้ำให้แม่นันอยู่กันไม่ได้ เป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่าจำเลยย่อมเล็งเห็นผลว่าจะทำให้น้ำไหลเข้าไปท่วมห้องของโจทก์ร่วมและทรัพย์สินของโจทก์ร่วมเสียหายได้ จำเลยจึงมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2536 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยเปิดวาลว์เปิดปิดน้ำทำให้น้ำประปาไหลเข้าไปท่วมพื้นห้องนอนของผู้เสียหาย เป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้เสียหายเปียกน้ำ ได้รับความเสียหายคิดเป็นเงิน 20,000 บาท ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นางซิวง้อ เก่าราชการ ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 358 ให้จำคุก 3 เดือน และปรับ 3,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้แย้งกันฟังได้ยุติว่า โจทก์ร่วมเป็นน้องสาวจำเลยและพักอาศัยอยู่ในตึกแถวซึ่งอยู่ติดต่อกัน โดยโจทก์ร่วมอยู่ชั้นล่าง จำเลยอยู่ชั้นที่สามระหว่างตึกแถวของโจทก์ร่วมและจำเลยมีฝาไม้อัดกั้น เดิมโจทก์ร่วมใช้น้ำประปาร่วมกับจำเลย มีวาล์วเปิดปิดน้ำที่จะส่งไปยังห้องของโจทก์ร่วมอยู่ติดกับบันไดชั้นล่างของตึกแถวของจำเลย ต่อมาจำเลยขอคิดค่าใช้น้าประปาเพิ่มขึ้น โจทก์ร่วมไม่ยอม เป็นเหตุให้โกรธเคืองกัน โจทก์ร่วมจึงไปขอใช้น้ำประปาเอง วันเกิดเหตุโจทก์ร่วมได้ให้ช่างประปามาตัดท่อน้ำประปาที่ส่งน้ำประปาจากตึกแถวจำเลยไปยังห้องของโจทก์ร่วมตรงบริเวณใกล้กับวาล์วเปิดปิดน้ำออกไป ถึงเวลา 20 นาฬิกา มีน้ำประปาไหลเข้าในห้องพักโจทก์ร่วมเป็นจำนวนมากท่วมนองพื้นห้องทำให้ทรัพย์สินเสียหายสาเหตุมาจากมีผู้เปิดวาล์วเปิดปิดน้ำทิ้งไว้ โดยฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยเป็นผู้เปิดวาล์วเปิดปิดน้ำจริง เมื่อระหว่างตึกแถวของโจทก์ร่วมและจำเลยมีเพียงไม้อัดกั้น ประกอบกับคำพูดของจำเลยที่ว่าจะเปิดวาล์วเปิดปิดน้ำให้แม่มันอยู่กันไม่ได้เป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่าจำเลยย่อมเล็งเห็นผลว่าจะทำให้น้ำไหลเข้าไปท่วมห้องของโจทก์ร่วมและทรัพย์สินของโจทก์ร่วมเสียหายได้จำเลยจึงมีความผิดตามฟ้อง
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30