คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 871/2534

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยยื่นฎีกาวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2533 เจ้าหน้าที่ศาลชั้นต้นนัดให้จำเลยมาทราบคำสั่งวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2533 ถ้าไม่มาถือว่าทราบคำสั่งแล้ว ทนายจำเลยลงชื่อทราบนัด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2533 ให้รับฎีกาจำเลย สำเนาให้โจทก์ ให้จำเลยนำส่งใน 7 วัน เมื่อทนายจำเลยได้ลงชื่อทราบนัดฟังคำสั่งไว้ก่อนแล้ว กรณีถือว่าจำเลยทราบคำสั่งนั้นโดยชอบ การที่จำเลยมิได้นำส่งหมายนัดและสำเนาฎีกาให้โจทก์ภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ถือว่าจำเลยทิ้งฟ้องฎีกา

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องเรียกเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่จำเลยค้างชำระพร้อมดอกเบี้ย เมื่อโจทก์สืบพยานเสร็จแล้วศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยเลื่อนสืบพยานจำเลย 4 นัด นัดที่ 5จำเลยขอเลื่อนอีก ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยประวิงคดี ถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบ ให้งดสืบพยานจำเลย แล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามฟ้องให้แก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาจำเลย สำเนาให้โจทก์ ให้จำเลยนำส่งใน 7 วัน ต่อมาเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีทำรายงานเสนอต่อศาลชั้นต้นว่าจำเลยไม่มาเสียค่าธรรมเนียมในการส่งหมายนัดและสำเนาฎีกาจำเลยภายใน 7 วัน ศาลชั้นต้นจึงส่งสำเนามาศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้จำเลยยื่นฎีกาวันที่ 19 กุมภาพันธ์2533 เจ้าหน้าที่ศาลชั้นต้นนัดให้จำเลยมาทราบคำสั่งวันที่ 21กุมภาพันธ์ 2533 ถ้าไม่มาถือว่าทราบคำสั่งแล้ว ทนายจำเลยลงชื่อทราบนัดแล้ว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2533ให้รับฎีกาจำเลย สำเนาให้โจทก์ ให้จำเลยนำส่งใน 7 วัน แต่ฝ่ายจำเลยไม่ไปนำส่งหมายนัดและสำเนาฎีกาแก่โจทก์ จนกระทั่งวันที่ 1พฤษภาคม 2533 เจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีได้ทำรายงานเจ้าหน้าที่เสนอต่อศาลชั้นต้นว่า จำเลยไม่มาเสียค่าธรรมเนียมในการส่งหมายนัดและสำเนาฎีกาจำเลยใน 7 วัน ศาลชั้นต้นให้รวบรวมถ้อยคำสำนวนเสนอศาลฎีกาเพื่อพิจารณาสั่ง ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวเห็นได้ว่า เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยนำส่งหมายนัดและสำเนาฎีกาในกำหนดเวลา 7 วัน ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำสั่งได้โดยชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 70 วรรคท้าย อันเป็นเวลาที่สมควรแล้ว คำสั่งดังกล่าวทนายจำเลยได้ลงชื่อทราบนัดเพื่อฟังคำสั่งไว้ก่อนแล้ว กรณีถือว่าจำเลยทราบคำสั่งนั้นโดยชอบแล้ว การที่จำเลยมิได้นำส่งหมายนัดและสำเนาฎีกาให้โจทก์ภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ถือว่าจำเลยทิ้งฟ้องฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) อันต้องจำหน่ายคดีตามมาตรา 132(1)”
จึงให้จำหน่ายคดีจากสารบบความของศาลฎีกา

Share