แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เป็นเจ้าของตึกแถวซึ่งได้ใช้ประกอบการค้าโดยบริษัทชาญสิริเทรดดิ้งจำกัด ซึ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลต่างหากจากผู้ถือหุ้นทั้งหลายของบริษัท โจทก์เป็นเพียงผู้ถือหุ้นและเป็นกรรมการผู้หนึ่งอยู่ในบริษัทฯ จึงเรียกไม่ได้ว่าโจทก์ประกอบการค้าในตึกแถวดังกล่าว แต่บริษัทดังกล่าวเป็นผู้ประกอบการค้าภายในตึกแถวนั้น เมื่อมีพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ฯ ให้เวนคืนตึกแถวของโจทก์ดังกล่าว บริษัท ฯ จึงได้รับความเสียหายเนื่องจากการที่ประกอบการค้าภายในตึกแถวนั้นและต้องออกไปจากตึก จึงเป็นผู้เสียหายมิใช่โจทก์ ฉะนั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอรับค่าทดแทนตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์พ.ศ.2497 มาตรา 14 วรรคสาม โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ตึกแถวของโจทก์เลขที่ ๕๐๐-๕๐๒ ซึ่งโจทก์ประกอบการค้าในตึกนี้โดยตั้งเป็นบริษัท ได้ถูกเวนคืนตามพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่ตำบลป้อมปราบ ฯลฯ พ.ศ. ๒๕๐๖คณะกรรมการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ตกลงให้โจทก์ได้รับค่าทดแทน ๖๕๐,๐๐๐บาท จำเลยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนต้องจ่ายเงินให้โจทก์ภายใน๙๐ วันจำเลยไม่จ่าย ขอให้บังคับจำเลยให้จ่ายเงินค่าทดแทนและดอกเบี้ย๖๗๘,๔๓๗ บาท ฯลฯ
จำเลยให้การว่า ข้อตกลงระหว่างโจทก์กับคณะกรรมการเวนคืนฯไม่ผูกพันจำเลย เพราะโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับค่าเสียหายเนื่องจากต้องออกจากโรงเรือน แม้โจทก์เป็นเจ้าของโรงเรือน แต่ก็ไม่ได้อยู่ในโรงเรือนหรือประกอบการค้า เพราะโรงเรือนดังกล่าวบริษัทชาญสิริเทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบุคคลต่างหากจากโจทก์ใช้ประกอบการค้า ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๖๕๐,๐๐๐ บาทแก่โจทก์และเสียดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปี ในต้นเงินดังกล่าว ฯลฯ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ในประเด็นที่ว่า โจทก์มีสิทธิขอรับค่าทดแทนตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๑๔ วรรค ๓ หรือไม่นั้น
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของตึกแถวเลขที่๕๐๐-๕๐๒ ได้ประกอบการค้าในตึกนี้โดยตั้งเป็นบริษัทชาญสิริเทรดดิ้งจำกัด แต่ตามรายงานกระบวนพิจารณาซึ่งคู่ความแถลงรับกัน ได้ความว่าโจทก์เป็นผู้ถือหุ้นและเป็นกรรมการผู้หนึ่งอยู่ในบริษัทชาญสิริเทรดดิ้ง จำกัด ศาลฎีกาเห็นว่า ยังเรียกไม่ได้ว่าโจทก์ประกอบการค้าภายในตึกแถวดังกล่าว เพราะได้ความว่าบริษัทชาญสิริฯจดทะเบียนแล้ว จึงจัดว่าบริษัทนั้นเป็นนิติบุคคลต่างหากจากผู้ถือหุ้นทั้งหลายของบริษัทอันหมายความรวมถึงโจทก์ด้วย ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๑๕ ดังนั้น บริษัทดังกล่าวจึงเป็นผู้ประกอบการค้าขายในตึกแถวนั้น หาใช่โจทก์เป็นผู้ประกอบไม่บริษัทซึ่งเป็นนิติบุคคลได้รับความเสียหายเนื่องจากการที่ประกอบการค้าขายในตึกแถวนั้นและต้องออกไปจากตึก จึงเป็นผู้เสียหายมิใช่โจทก์ ฉะนั้นโจทก์จึงไม่มีสิทธิขอรับค่าทดแทนตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๑๔ วรรค ๓และไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยชำระเงิน ๖๔๐,๐๐๐ บาทแก่โจทก์
พิพากษายืน