คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8702/2553

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

โจทก์รับโอนสิทธิการเช่าพื้นที่อาคารมาจากบริษัท บ. โดยผู้โอนตกลงโอนและผู้รับโอนตกลงรับโอนสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาเช่าระหว่างผู้โอนกับบริษัท อ. โจทก์จึงต้องรับไปทั้งสิทธิที่จะได้รับค่าเช่า ค่าบริการที่บริษัท บ. ได้รับจากผู้เช่า และมีหน้าที่ต้องให้เช่าพื้นที่และให้บริการส่วนกลางแก่ผู้เช่าพื้นที่แทนบริษัท บ. ตามที่ผู้โอนสิทธิการเช่าให้โจทก์ต้องปฏิบัติกับผู้เช่าก่อนมีการโอนสิทธิการเช่า ดังนั้น เงินค่าตอบแทนที่โจทก์ได้รับจึงมิใช่เป็นค่าตอบแทนจากการให้เช่าพื้นที่แต่เพียงอย่างเดียวแต่เป็นค่าตอบแทนจากการให้บริการส่วนกลางด้วย โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อได้รับชำระค่าบริการส่วนกลาง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้รับโอนสิทธิการเช่าพื้นที่บางส่วนของอาคาร เอ็ม บี เคเซ็นเตอร์ จากบริษัท บางกอกมาร์ท ช็อปปิ้ง อาเขต จำกัด ขณะโจทก์รับโอนสิทธิการเช่าพื้นที่ดังกล่าว บริษัทผู้โอนได้นำพื้นที่ออกให้ลูกค้าเช่า โดยโจทก์เรียกเก็บเงินค่าเช่าจากลูกค้าดังกล่าวได้เพียงอย่างเดียว โจทก์ไม่ได้ยื่นเสียภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับเดือนภาษีพฤษภาคม 2545 ถึงเดือนภาษีมีนาคม 2546 เนื่องจากได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มวันที่ 10 เมษายน 2546 โจทก์ทำสัญญาเช่ากับลูกค้าที่เช่าพื้นที่ใหม่ โดยโจทก์เก็บค่าเช่าและค่าบริการจากลูกค้า วันที่ 27 เมษายน 2547 เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยได้มีหนังสือแจ้งการประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับเดือนภาษีพฤษภาคม 2545 ถึงเดือนภาษีมีนาคม 2546 รวม 11 ฉบับ เป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 4,940,049 บาท โจทก์อุทธรณ์การประเมินและได้ชำระภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน 1,513,980.91 บาท คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์วินิจฉัยว่าการประเมินชอบแล้ว แต่ลดเบี้ยปรับลงเหลือเรียกเก็บร้อยละ 50 ของเบี้ยปรับที่เรียกเก็บตามกฎหมาย โจทก์ไม่เห็นด้วย ขอให้เพิกถอนการประเมิน ให้จำเลยคืนเงินจำนวน 1,513,980.91 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 12 ต่อปี นับแต่วันที่ 27 พฤษภาคม 2547 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ได้รับโอนสิทธิการเช่าจากบริษัท บางกอกมาร์ท ช็อปปิ้งอาเขต จำกัด หลังจากนั้นโจทก์ทำสัญญาเช่ากับบริษัท เอ็ม บี เค พร็อพเพอร์ตี้ส์ แอนด์ ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) โจทก์ได้รับสิทธิการให้บริการส่วนกลาง เช่น บริการไฟฟ้า โทรศัพท์ การบำรุงดูแลรักษา บริการเครื่องปรับอากาศ การรักษาความปลอดภัยจากบริษัท เอ็ม บี เค พร็อพเพอร์ตี้ส์ แอนด์ ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) โดยเสียค่าตอบแทน ต่อมาโจทก์นำพื้นที่ที่ได้รับโอนมานำไปให้ผู้เช่าเดิมเช่าต่อไป และให้ผู้เช่าใช้บริการส่วนกลางที่โจทก์ได้ทำไว้กับบริษัท เอ็ม บี เค พร็อพเพอร์ตี้ส์ แอนด์ ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งโจทก์ไม่ได้เรียกเก็บค่าบริการจากผู้เช่าอีก โดยถือว่าค่าบริการรวมอยู่ในค่าเช่าดังกล่าวแล้ว และถือเป็นต้นทุนของค่าเช่า เห็นได้ว่านอกจากโจทก์จะให้เช่าพื้นที่ดังกล่าวแก่ผู้เช่าแล้วยังมีการให้บริการส่วนกลางรวมอยู่ด้วยโจทก์จะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจากรายรับส่วนที่ให้บริการดังกล่าว เพราะไม่ใช่การให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยจึงประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มในส่วนของการให้บริการส่วนกลางที่โจทก์มิได้แยกค่าบริการออกจากค่าเช่า โดยพิจารณาจากสัญญาเช่าที่โจทก์ทำกับผู้เช่ารายใหม่เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2546 ทุกฉบับ เปรียบเทียบกับพบว่าอัตราส่วนระหว่างสัญญาเช่าพื้นที่กับสัญญาให้บริการ คิดอัตราส่วนเท่ากับค่าเช่าร้อยละ 60 และค่าบริการร้อยละ 40 จึงประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มในส่วนที่เป็นค่าบริการส่วนกลางที่โจทก์ไม่นำไปคำนวณเพื่อเสียภาษีมูลค่าเพิ่มช่วงเดือนภาษีพฤษภาคม 2545 ถึง มีนาคม 2546 ส่วนที่โจทก์ขอให้งดเบี้ยปรับนั้น คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้ลดเบี้ยปรับให้โจทก์ร้อยละ 50 ซึ่งเป็นคุณแก่โจทก์แล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “…ปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ข้อแรกมีว่า หนังสือแจ้งการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ชอบหรือไม่ เห็นว่า การที่โจทก์รับโอนสิทธิการเช่ามาจากบริษัท บางกอกมาร์ท ช็อปปิ้ง อาเขต จำกัด โจทก์ต้องรับไปทั้งสิทธิที่จะได้รับค่าเช่า และค่าบริการที่บริษัทดังกล่าวได้รับจากผู้เช่า และมีหน้าที่ต้องให้เช่าพื้นที่และให้บริการส่วนกลางแก่ผู้เช่าพื้นที่แทนบริษัท บางกอกมาร์ทช็อปปิ้ง อาเขต จำกัด ด้วย ตามที่ผู้โอนสิทธิการเช่าให้โจทก์ต้องปฏิบัติกับผู้เช่าก่อนมีการโอนสิทธิการเช่า ดังนั้น เงินค่าตอบแทนที่โจทก์ได้รับจึงมิใช่เป็นค่าตอบแทนจากการให้เช่าพื้นที่แต่เพียงอย่างเดียว แต่เป็นค่าตอบแทนจากการให้บริการส่วนกลางด้วยโจทก์จึงมีหน้าที่ต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อได้รับชำระค่าบริการส่วนกลาง
ปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ข้อต่อไปมีว่า มีเหตุอันควรงดเบี้ยปรับให้แก่โจทก์หรือไม่ เห็นว่า โจทก์มิได้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับค่าบริการให้ถูกต้องครบถ้วนจึงต้องเสียเบี้ยปรับตามกฎหมาย การที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ลดเบี้ยปรับให้คงเรียกเก็บเพียงอัตราร้อยละ 50 ของเบี้ยปรับตามกฎหมาย นับว่าเป็นคุณแก่โจทก์แล้ว กรณีไม่มีเหตุจะลดเบี้ยปรับให้แก่โจทก์ อุทธรณ์ของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

Share