แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
วันที่ 17 เมษายน 2537 ซึ่งเป็นวันที่โจทก์และจำเลยได้ตกลงนัดจดทะเบียนโอนสิทธิในที่ดินตามสัญญาซื้อขายกัน เป็นวันอาทิตย์อันเป็นวันหยุดราชการไม่อาจจดทะเบียนโอนสิทธิในที่ดินกันได้ในวันนั้น และกรณีดังกล่าวไม่ได้อยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/8 ที่บัญญัติให้นับวันที่เริ่มทำการใหม่ต่อจากวันที่หยุดทำการเป็นวันสุดท้ายของระยะเวลา จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยต้องไปโอนที่ดินให้แก่โจทก์ในวันที่ 18 เมษายน 2537 การที่จำเลยไม่ได้จดทะเบียนโอนที่ดินให้แก่โจทก์ในวันดังกล่าว ย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่โอนที่ดินให้โจทก์ โจทก์จึงไม่อาจอ้างเหตุดังกล่าวมาบอกเลิกสัญญาเรียกเบี้ยปรับและขอคืนเงินมัดจำจากจำเลยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยคืนเงินมัดจำและชำระเบี้ยปรับจำนวน 900,000 บาท แก่โจทก์
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 300,000 บาท แก่โจทก์กับให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ ค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงิน 600,000 บาท แก่โจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์เฉพาะจำนวนทุนทรัพย์เท่าที่โจทก์ชนะคดี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ระหว่างฎีกา ข้อเท็จจริงปรากฏหลังจากจำเลยยื่นฎีกาและศาลชั้นต้นยังไม่ได้สั่งรับฎีกาว่า โจทก์มรณะระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 นางยุพิน เงยวิจิตรและนายธีรศักดิ์ เงยวิจิตร ผู้จัดการมรดกของโจทก์ ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามที่คู่ความต่างไม่โต้เถียงกันในชั้นนี้ว่า จำเลยทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 37 ตำบลศรีเมืองใค (คูเมือง) อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ให้แก่โจทก์ราคา 1,100,000 บาท โจทก์ได้วางมัดจำแก่จำเลยไว้แล้วเป็นเงิน 300,000 บาท ส่วนที่เหลือจะชำระเมื่อจำเลยโอนสิทธิในที่ดินให้แก่โจทก์เรียบร้อยแล้วหรือไม่เกินวันที่ 1 มีนาคม 2537 ตามหนังสือสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.1 แต่ต่อมาโจทก์และจำเลยตกลงเปลี่ยนแปลงวันจดทะเบียนโอนสิทธิกันใหม่เป็นภายในวันที่ 17 เมษายน 2537 และเมื่อถึงกำหนดดังกล่าวซึ่งเป็นวันอาทิตย์หยุดราชการ จำเลยไม่ไปจดทะเบียนโอนที่ดินให้แก่โจทก์ คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยผิดสัญญาต้องใช้เบี้ยปรับและคืนมัดจำแก่โจทก์หรือไม่ เห็นว่า วันที่ 17 เมษายน 2537 ซึ่งเป็นวันที่โจทก์และจำเลยได้ตกลงนัดจดทะเบียนโอนสิทธิในที่ดินตามสัญญาซื้อขายกันเป็นวันอาทิตย์อันเป็นวันหยุดราชการไม่อาจจดทะเบียนโอนสิทธิในที่ดินกันได้ในวันนั้นและกรณีดังกล่าวก็มิได้อยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/8 ที่บัญญัติให้นับวันที่เริ่มทำการใหม่ต่อจากวันที่หยุดทำการเป็นวันสุดท้ายของระยะเวลาถ้าวันสุดท้ายของระยะเวลาเป็นวันหยุดทำการตามประกาศเป็นทางการหรือตามประเพณีจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยต้องไปโอนที่ดินให้แก่โจทก์ในวันที่ 18 เมษายน 2537 อีกด้วย ตามนัยแห่งคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2225/2540 คดีระหว่างนายสม การสมชน โจทก์นางอนงค์ แก้วใหญ่ จำเลย ดังนั้น การที่จำเลยไม่ได้จดทะเบียนโอนที่ดินให้แก่โจทก์ในวันดังกล่าวย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่โอนที่ดินให้โจทก์ โจทก์จึงไม่อาจอ้างเหตุดังกล่าวมาบอกเลิกสัญญาเรียกเบี้ยปรับและขอคืนเงินมัดจำจากจำเลยได้ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์