คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 868-869/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องหาว่าจำเลยเบิกความเท็จในศาลนั้น โจทก์ระบุเพียงวันเดือนปีที่หาว่าจำเลยเบิกความเท็จ แม้ไม่ได้ระบุว่าเวลากลางวันหรือกลางคืน ก็พอเข้าใจได้ว่าหมายถึงเวลากลางวัน จึงถือว่าฟ้องเช่นนี้เป็นฟ้องที่สมบูรณ์แล้ว

ย่อยาว

คดีสองสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษารวมกันโดยโจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยในสำนวนแรกกระทำผิดฐานเบิกความเท็จ จำเลยในสำนวนหลักกระทำผิดฐานฟ้องเท็จ และเบิกความเท็จ แต่ในฟ้องสำนวนแรกโจทก์มิได้ระบุเวลาในฟ้อง คงบรรยายแต่เพียงว่า วันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๔๙๑ จำเลยที่ ๑ และเมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๔๙๑ จำเลยที่ ๒ ได้เบิกความเท็จในคดีอาญาแดงที่ ๑๒๔/๒๔๙๒ ฯลฯ
จำเลยทั้งสองสำนวนให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า นายผวน นายเช้งมีความผิดฐานเบิกความเท็จตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๑๕๖ ให้จำคุกคนละ ๖ เดือน ส่วนจำเลยอื่นให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คดีเฉพาะตัวนายเช้งจำเลยฟ้องโจทก์มิได้ระบุเวลาที่กระทำผิดว่าเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน จึงเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ ไม่จำต้องวินิจฉัยคำพยาน ส่วนคดีสำหรับนายผวน หลักฐานพยานโจทก์ยังไม่พอ จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้องคดีสำหรับนายผวนนายเช้งจำเลย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คำว่าเวลาในบทมาตรา ๑๕๘ แห่ง ป.ม.วิ.อาญา หมายถึงวันเดือนปี แห่งการกระทำผิด หาได้กำหนดไว้โดยเฉพาะเจาะจงอันจะต้องระบุเวลาเสมอไปไม่ ฟ้องนั้นต้องพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ทั้งนี้ต้องพิจารณาเป็นเรื่อง ๆ ไปเฉพาะคดีที่พิพาทกัน เรื่องเบิกความเท็จในศาลซึ่งพอเข้าใจได้ว่าหมายถึงเวลากลางวันดังนั้นฟ้องโจทก์จึงนับว่าสมบูรณ์ คดีนี้โจทก์ฟ้องอ้างว่า วัน เดือน ปี ที่จำเลยเบิกความที่ศาลซึ่งโจทก์ถือว่าเป็นความเท็จ การพิจารณาคดีก็ย่อมกระทำอย่างธรรมดา คือเวลากลางวัน จำเลยก็เข้าใจข้อหาได้ดี มิได้หลงต่อสู้แต่ประการใด ส่วนคดีสำหรับนายผวนจำเลยฟังได้ว่ากระทำผิดตามฟ้องจริง จึงพิพากษากลับให้ลงโทษนายผวนจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีนายเช้งจำเลยให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาข้อเท็จจริงและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share