แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การบรรยายฟ้องความผิดฐานชิงทรัพย์ในส่วนที่เกี่ยวกับการใช้กำลังประทุษร้าย เมื่อโจทก์บรรยายว่า จำเลยกับพวกใช้กำลังประทุษร้ายโดยจับมือเด็กชายยงผู้เลี้ยงกระบือไว้ เพื่อให้เป็นความสะดวกแก่การลักทรัพย์แล้วจำเลยกับพวกได้ช่วยกันแกะเอาเชือกที่เด็กชายยงจูงกระบือเลี้ยงไว้ในมือออก ซึ่งทำให้เด็กชายยงอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถจะขัดขืนได้แล้วพากระบือไปเช่นนี้ ถือว่า การกระทำของจำเลยตามที่โจทก์บรรยายในฟ้องเป็นการใช้กำลังประทุษร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา ม. 1(6) แล้ว
จำเลยกับพวกมีอาวุธเข้ามากระชากเชือกที่ผูกกระบือจากเด็กชายยง ๆ กำเชือกแน่นและเอามืออีกข้างหนึ่งช่วยกำไว้ จำเลยกระชากไม่หลุดก็เข้าแกะเชือกออกจากมือเด็กชายยงทั้งสองข้าง แกะอยู่นานราวอึดใจหนึ่งเชือกจึงหลุดจากมือเด็กชายยง แล้วจำเลยจับเชือกผูกกระบือพากระบือวิ่งไป การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์แล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกมีปืนร่วมกันลักกระบือ ๒ ตัว ราคา ๑,๕๐๐ บาทอันเป็นสัตว์ที่มีไว้สำหรับประกอบกสิกรรมของนายล่อน ซึ่งมีอาชีพกสิกรรมไปโดยทุจริต ในการลักนี้จำเลยกับพวกใช้กำลังประทุษร้ายโดยจับมือเด็กชายยงผู้เลี้ยงกระบือไว้เพื่อให้เป็นความสะดวกแก่การลักทรัพย์แล้วจำเลยกับพวกได้ช่วยกันแกะเอาเชือกที่เด็กชายยงจูงกระบือเลี้ยงไว้ในมือออกซึ่งทำให้เด็กชายยงอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถจะขัดขืนได้ แล้วพากระบือไป ขอให้ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙ และให้คืนหรือใช้ราคากระบือ
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙ วรรค ๒ ให้จำคุก ๔ ปี และให้คืนหรือใช้ราคากระบือ ๑ ตัว ที่ยังไม่ได้คืน ๗๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การจับมือและการแกะกระบือมิใช่การประทุษร้ายแก่กาย จำเลยมีเจตนาเพียงแต่จะเอาเชือกผูกกระบือไปจากเด็กเพื่อความสะดวกจะได้จูงกระบือไป ไม่มีเจตนาจะประทุษร้ายแก่ร่างกายของเด็ก จำเลยควรมีความผิดฐานลักสัตว์ของผู้มีอาชีพกสิกรรมประกอบด้วยมีพรรคพวกมีอาวุธเท่านั้น พิพากษาแก้ศาลชั้นต้นว่า จำเลยผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕ (๗) (๑๒) จำคุก ๒ ปี กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคากระบือ ๑ ตัว ที่ยังไม่ได้คืน ๗๐๐ บาท
โจทก์ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นการใช้กำลังประทุษร้ายเข้าบทนิยามตามประมวลกฎหมาย มาตรา ๑(๖) ขอให้ลงโทษตามฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อวินิจฉัยเบื้องแรกตามที่โจทก์ฟ้อง จำเลยจะมีผิดฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙ วรรค ๒ หรือไม่ ข้อนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า การกระทำของจำเลยตามที่โจทก์บรรยายในฟ้องเป็นการใช้กำลังประทุษร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา ม. ๑(๖) แล้ว
ข้อเท็จจริงในคดีนี้มีว่า เด็กชายยง อายุ ๑๒ ปี นำกระบือ ๒ ตัว แม่ลูกของผู้เสียหายไปเลี้ยงในนา จำเลยมีมีดขัดเอว กับนายแกถือปืนสั้นเข้ามา จำเลยกระชากเชือกที่ผูกกระบือจากเด็กชายยง ๆ กำเชือกแน่น และเอามืออีกข้างหนึ่งช่วยกำไว้ จำเลยกระชากไม่หลุดก็เข้าแกะเชือกออกจากมือเด็กชายยงทั้งสองข้าง แกะอยู่นานราวหนึ่งอึดใจ เชือกจึงหลุดจากมือเด็กชายยง แล้วจำเลยจับเชือกผูกกระบือพากระบือวิ่งไป
ศาลฎีกาว่าเห็นว่า ตามข้อเท็จจริงดังกล่าว ฟังได้ว่า จำเลยกับพวกได้ลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย การกระทำของจำเลยเป็นเหตุทำให้เด็กชายยงอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับศาลชั้นต้นที่พิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙ วรรค ๒
ศาลฎีกาพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น