คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8614/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 6 กับจำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 ยื่นอุทธรณ์มาคนละฉบับ แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 วินิจฉัยเพียงอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 6 โดยไม่มีเนื้อหาวินิจฉัยถึงอุทธรณ์ของจำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 จึงเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ไม่ได้วินิจฉัยคดีตามฟ้องอุทธรณ์ของผู้อุทธรณ์ ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 240 คดีมีเหตุอันสมควรที่ศาลฎีกาจะยกคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 8 แล้วให้ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิจารณาและพิพากษาใหม่ทั้งหมดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 243 (2) ประกอบมาตรา 247

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 5 และที่ 6 ร่วมกันชำระเงิน 65,412,641.33 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ โดยให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ร่วมกันรับผิดกับจำเลยที่ 1 ชำระเงิน 41,366,641.33 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ กับให้จำเลยทั้งหกใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ หากจำเลยทั้งหกไม่ชำระให้ยึดที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 7368 และ 7369 ตำบลขนอม อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 1 และที่ดินโฉนดเลขที่ 4545 ตำบลสามโคก อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 3 ขายทอดตลอดชำระหนี้แก่โจทก์ หากไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งหกขายทอดตลาดชำระหนี้จนครบ
ผู้ร้องยื่นคำร้อง ขอให้มีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแทนผู้เข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนโจทก์
จำเลยทั้งหกยื่นคำคัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าสวมสิทธิดำเนินกระบวนพิจารณาชั้นบังคับคดีแทนเจ้าหนี้เดิมต่อไป
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 6 ให้คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นต้นทั้งหมดแก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 6
จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 6 กับจำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฎีกาของจำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 ที่ว่าศาลอุทธรณ์ภาค 8 มิได้พิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น ความปรากฏในสำนวนคดีนี้ว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 6 กับจำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 ต่างยื่นอุทธรณ์ลงวันที่ 4 กันยายน 2556 มาคนละฉบับ ผู้ร้องยื่นคำแก้อุทธรณ์จำเลยทั้งหกมาในฉบับเดียวกัน และศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่งอุทธรณ์ของจำเลยทั้งหกไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 8 แต่คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 8 วินิจฉัยเพียงอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 6 โดยไม่มีเนื้อหาวินิจฉัยถึงอุทธรณ์ของจำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 แต่อย่างใดด้วย จึงเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 มิได้วินิจฉัยคดีตามฟ้องอุทธรณ์ของผู้อุทธรณ์ซึ่งศาลชั้นต้นส่งขึ้นมาโดยครบถ้วน และไม่อาจถือได้ว่าการที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 มิได้วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 เท่ากับว่าศาลอุทธรณ์ภาค 8 ไม่เห็นพ้องด้วยกับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 และยกอุทธรณ์ของจำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 8 จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 240 คดีมีเหตุอันสมควรที่ศาลฎีกาจะยกคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 8 แล้วให้ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิจารณาและพิพากษาใหม่ทั้งหมดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243 (2) ประกอบมาตรา 247 คดีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 6 ต่อไป
พิพากษายกคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 8 ยกฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 6 แล้วให้ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 6 กับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 แล้วมีคำพิพากษาหรือคำสั่งใหม่ต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 8 รวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาหรือคำสั่งใหม่

Share