คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8611/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยซึ่งเป็นสามีอ้างเหตุว่า จำเลยทรมานร่างกายและจิตใจของโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516 (3) โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยกระทำการเป็นปฏิปักษ์ด้วยการใช้วาจาไม่สุภาพและทะเลาะกับโจทก์โดยไม่มีเหตุผลเป็นประจำ จำเลยถือมีดทำครัวยืนขวางไม่ให้โจทก์ออกจากบ้านและขู่จะฆ่าให้ตายหากไม่นำภาพถ่ายในอดีตของโจทก์มาให้และข่มขู่จะทำร้ายโจทก์ด้วยอารมณ์รุนแรงไม่มีเหตุผล ทำให้โจทก์หนีออกจากบ้านเพราะเกรงจะถูกทำร้าย การที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยใช้มีดขู่ให้โจทก์ยอมร่วมประเวณีด้วย ทั้งๆ ที่โจทก์ไม่สบายและไม่ต้องการร่วมประเวณี ทำให้โจทก์รู้สึกทรมานร่างกายและจิตใจอย่างมาก จึงเป็นรายละเอียดแห่งเหตุหย่าตามที่โจทก์กล่าวบรรยายในฟ้อง มิใช่การนำสืบนอกเหนือจากฟ้องตามฎีกาของจำเลยแต่อย่างใด โจทก์มีสิทธิฟ้องหย่าจำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาให้โจทก์หย่าขาดจากจำเลย
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษากลับ ให้โจทก์และจำเลยหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยา ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังเป็นยุติว่า โจทก์กับจำเลยเป็นสามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายมีบุตรด้วยกัน 1 คน คือนางสาววรัญญา ระหว่างอยู่กินฉันสามีภริยา จำเลยใช้วาจาหยาบคายขณะทะเลาะกับโจทก์ เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2555 จำเลยโกรธที่โจทก์นำภาพถ่ายคู่กันระหว่างโจทก์กับจำเลยไปทำลาย เป็นเหตุให้ทะเลาะกันจนโจทก์หลบหนีออกจากบ้าน ไม่กลับไปอยู่อาศัยกับจำเลยที่บ้านอีกเลย
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่า การกระทำของจำเลยเป็นการทรมานร่างกายหรือจิตใจของโจทก์อย่างร้ายแรง อันเป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิฟ้องหย่าจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1561(3) หรือไม่ เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงได้ความจากทางนำสืบของโจทก์ว่า จำเลยบังคับให้โจทก์ต้องร่วมประเวณีกับจำเลยตลอดทั้งที่โจทก์ไม่สบายและไม่ต้องการร่วมประเวณี หากโจทก์ไม่ยอมร่วมประเวณีด้วย จำเลยก็ถือมีดและขู่ฆ่า จนโจทก์ต้องยอมร่วมประเวณีกับจำเลย ทำให้โจทก์รู้สึกทรมานทั้งร่างกายและจิตใจอย่างมากจนไม่สามารถทนต่อไปได้ สอดคล้องกับคำเบิกความของจำเลยตอบคำถามติงของทนายจำเลยยอมรับว่า จำเลยใช้มีดขู่โจทก์จริง เช่นนี้ การที่จำเลยซึ่งเป็นสามีบังคับให้โจทก์ซึ่งเป็นภริยาต้องร่วมประเวณีตามความต้องการของจำเลย ทั้งที่โจทก์ไม่สบายและไม่ต้องการร่วมประเวณี เมื่อโจทก์ไม่ยอมร่วมประเวณีด้วย จำเลยก็ถือมีดและขู่ฆ่า จนโจทก์ต้องยอมร่วมประเวณีกับจำเลย พฤติการณ์ดังกล่าวของจำเลยย่อมขัดต่อเจตนารมณ์ของการอยู่กินฉันสามีภริยา ที่ต้องรู้จักการทะนุถนอมและเอาใจใส่ซึ่งกันและกันโดยเฉพาะการร่วมประเวณีย่อมเกิดจากความรักและความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย มิใช่การหักหาญเอาแต่ใจของตนเองฝ่ายเดียวการกระทำของจำเลยจึงเป็นการทรมานร่างกายหรือจิตใจของโจทก์อย่างร้ายแรง อันเป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิฟ้องหย่าจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516 (3) และที่จำเลยฎีกาว่า ข้อที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยใช้มีดข่มขู่ให้โจทก์ยอมมีเพศสัมพันธ์ โจทก์มิได้กล่าวอ้างไว้ในฟ้อง ศาลชั้นต้นจึงไม่นำมาวินิจฉัยเพราะเป็นเรื่องเกินไปกว่าที่ปรากฏในฟ้องนั้น เห็นว่า โจทก์ฟ้องจำเลยอ้างเหตุหย่าว่าจำเลยทรมานร่างกายหรือจิตใจของโจทก์อย่างร้ายแรง อันเป็นเหตุฟ้องหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516 (3) ข้อที่โจทก์นำสืบดังกล่าวจึงเป็นรายละเอียดแห่งเหตุหย่าตามที่โจทก์กล่าวบรรยายมาในฟ้อง มิใช่เป็นการนำสืบนอกเหนือจากฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 นำข้อเท็จจริงดังกล่าวมาวินิจฉัยจึงชอบแล้ว ส่วนฎีกาของจำเลยข้ออื่นไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share