แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกับพวกประมูลสิทธิขายเนื้อสุกรโดยเสียค่าตอบแทนหรือค่าบำรุงให้เทศบาล 368,000 บาท กับค่าเช่าเป็นรายวัน.จำเลยเข้าขายเนื้อสุกรที่เขียงตามที่ประมูลได้. แต่ยังไม่ได้ทำสัญญาเช่าจากเทศบาล. จำเลยกับพวกยังผูกพันจะต้องชำระเงิน 368,000 บาท จึงจะมีสิทธิ. ต่อมามีการตั้งบริษัทโจทก์ขึ้นโดยจำเลยกับพวกเป็นผู้ถือหุ้นและมี ต.เพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง. บริษัทโจทก์ทำสัญญาเช่าเขียงหรือแผงจากเทศบาลโดยเสียเงินบำรุงให้แก่เทศบาล 368,000 บาทตามที่จำเลยกับพวกประมูลไว้. จำเลยกับพวกมิได้คัดค้าน.ดังนี้ บริษัทโจทก์เป็นนิติบุคคลซึ่งเป็นอีกคนหนึ่งต่างหากจากจำเลยและพวก เป็นคู่สัญญากับเทศบาล. จำเลยยอมให้บริษัทโจทก์เป็นผู้เช่าแล้ว บริษัทโจทก์จึงมีสิทธิที่จะใช้เขียงจำหน่ายเนื้อสุกรได้อย่างฐานะผู้เช่าทั่วไป. เมื่อบริษัทโจทก์ให้จำเลยมาทำสัญญาเช่าจากบริษัทโจทก์ เพื่อจำเลยจะได้ใช้เขียงจำหน่ายต่อไป. ก็ชอบที่จะต้องทำสัญญาเช่าจากบริษัทโจทก์. การที่จำเลยไม่ยอมมาทำสัญญาเช่า. บริษัทโจทก์จึงฟ้องขับไล่จำเลยได้. ข้อโต้เถียงของจำเลยเกี่ยวกับ ต. ผู้ถือหุ้นของบริษัทว่าทำการไม่ชอบอันเป็นกิจการภายในของบริษัทโจทก์นั้น. เป็นกรณีที่จำเลยจะว่ากล่าวเอาแก่บริษัทโจทก์เป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหาก.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เช่าเขียงจำหน่ายเนื้อสุกรจากเทศบาลจำเลยเป็นลูกเขียงรับเนื้อสุกรจากเทศบาล จำเลยเป็นลูกเขียงรับเนื้อสุกรจากโจทก์ไปจำหน่ายที่เขียงเลขที่ 119 – 120 โดยจำเลยต้องออกเงินค่าเช่าเขียงวันละ 6 บาทให้โจทก์ ครั้นเดือนกุมภาพันธ์2507 โจทก์ให้จำเลยทำสัญญาเป็นลูกเขียงของโจทก์ จำเลยไม่ยอมทำและไม่ยอมเสียค่าเช่า จำต้องให้จำเลยเลิกเป็นลูกเขียง ขอให้พิพากษาให้จำเลยออกไป กับให้ใช้ค่าเสียหาย 1,914 บาท กับอีกวันละ6 บาทนับแต่ 21 มกราคม 2508 จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ใช่เป็นผู้ประมูลได้ จำเลยเป็นผู้ประมูลได้ และทำสัญญาเช่าจากเทศบาล ฯลฯ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ตามฟ้อง จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยกับพวก 12 คนใช้ชื่อว่าสุกรสามัคคี ประมูลสิทธิขายเนื้อสุกรโดยเสียค่าตอบแทนหรือค่าบำรุงให้แก่เทศบาล 368,000 บาท กับค่าเช่าให้เป็นรายวันอีกเขียงละ3 บาท หรือแผงละ 6 บาทต่อวัน จำเลยเข้าขายเนื้อสุกรที่เขียงดังกล่าวตามที่ประมูลได้ ส่วนการทำสัญญาเช่าเขียงจากเทศบาลซึ่งจะต้องเสียเงิน 368,000 บาท ยังไม่ได้ทำ ต่อมาได้ตั้งบริษัทโจทก์ขึ้น โดยมีจำเลยกับพวก 12 คนเป็นผู้ถือหุ้นและมีนายตึ๋งเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง บริษัทโจทก์ทำสัญญาเช่าแผงจากเทศบาลโดยเสียค่าบำรุงให้แก่เทศบาล 368,000 บาท ตามที่จำเลยกับพวกประมูลไว้เมื่อคณะสุกรสามัคคีประมูลได้สิทธิที่จะขายเนื้อสุกร ก็ยังผูกพันที่จะต้องชำระเงิน 368,000 บาท ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อบริษัทโจทก์เป็นผู้เข้าทำสัญญาเช่าจากเทศบาล จำเลยกับพวกมิได้คัดค้าน บริษัทโจทก์เป็นนิติบุคคลซึ่งเป็นอีกคนหนึ่งต่างหากจากจำเลยและพวกเมื่อบริษัทโจทก์เป็นคู่สัญญากับเทศบาล เป็นผู้เช่าจากเทศบาล และจำเลยยอมให้โจทก์เช่าแล้ว โจทก์จึงมีสิทธิที่จะใช้เขียงจำหน่ายเนื้อสุกรได้อย่างฐานะผู้เช่าทั่วไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อโจทก์ให้จำเลยมาทำสัญญาเช่าจากโจทก์ จำเลยได้ประสงค์จะใช้เขียงจำหน่ายต่อไป ก็ชอบที่จะต้องทำสัญญาเช่าจากโจทก์ การที่จำเลยไม่ยอมทำสัญญาเช่าจากโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้ข้อโต้เถียงของจำเลยเกี่ยวกับนายตึ๋งผู้ถือหุ้นคนหนึ่งของบริษัทโจทก์ว่ากระทำการไม่ชอบ อันเป็นกิจการภายในของบริษัทนั้น เห็นว่าเป็นกรณีที่จำเลยจะว่ากล่าวเอาแก่บริษัทโจทก์เป็นอีกส่วนหนึ่งไม่เกี่ยวกับข้อโต้เถียงในคดีนี้ พิพากษายืน.