คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 859/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเตะภรรยาซึ่งอุ้มบุตรอายุเพียงเดือนเศษจนภรรยาล้มลงและบุตรกระเด็นหลุดตกลงไปยังพื้นดินถึง 2 ครั้ง
ขณะที่ภรรยาล้มนอนหงายอยู่กับพื้นดินจำเลยจับบุตรที่กระเด็นหลุดจากมือภรรยาไปนั้น ยกขึ้นกระแทกลงไปที่อกภรรยาโดยแรง จนบุตรเกิดอาการบวมที่หน้าและศีรษะ หายใจขัด และถึงแก่ความตายในวันที่จำเลยกระทำร้ายนั้นการกระทำของจำเลยเป็นการฆ่าคนโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ใช้กำลังกายตบเตะกระทืบทำร้ายร่างกายนางจำปี กล่ำวงศ์ ภรรยาของจำเลย ขณะที่กำลังอุ้มเด็กชายนิพลบุตรอายุ 1 เดือนเศษ จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายนางจำปี และเป็นเหตุให้เด็กชายนิพลกระเด็นไป แล้วจำเลยได้จับเด็กชายนิพลยกขึ้นกระแทกลงไปที่นางจำปีขณะที่นางจำปีล้มลง นางจำปีลุกขึ้นจับเด็กชายนิพลจำเลยก็เตะนางจำปีล้มลง เป็นเหตุให้เด็กชายนิพลกระเด็นไปอีก จำเลยจับเด็กชายนิพลยกขึ้นสูงแล้วโยนใส่นางจำปีโดยแรง ด้วยเจตนาฆ่าเด็กชายนิพล เด็กชายนิพลได้รับอันตรายชอกช้ำสาหัส และได้ถึงแก่ความตายในวันนั้นเอง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295, 288, 90, 91

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยได้ทำร้ายนางจำปีจนได้รับอันตรายแก่กายถึงบาดเจ็บ และทำให้เด็กชายนิพลตายโดยไม่เจตนาพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290, 295 แต่ให้ลงโทษตามมาตรา 290 ซึ่งเป็นกระทงหนักตามมาตรา 91 วางโทษจำคุก 12 ปี

โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยมีเจตนาจะฆ่าผู้ตาย

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยมีความผิดฐานฆ่าเด็กชายนิพลโดยเจตนาพิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 และ288 แต่ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 288 ซึ่งเป็นกระทงหนักที่สุดตามมาตรา 91 ให้จำคุกจำเลยไว้ 15 ปี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาพิจารณาแล้วฟังว่า เด็กชายนิพลไม่ได้ตายก่อนถูกจำเลยทำร้ายและเห็นว่า เมื่อจำเลยทำร้ายนางจำปีรวมมาถึงเด็กชายนิพลบุตรของจำเลยด้วย โดยจำเลยเตะนางจำปี ทำให้เด็กชายนิพลกระเด็นหลุดจากมือนางจำปีตกลงยังพื้นดิน 2 ครั้ง แล้วจำเลยจับเด็กชายนิพลยกขึ้นกระแทกลงไปที่อกนางจำปีโดยแรงอีก ขณะที่นางจำปีล้มนอนหงายอยู่กับพื้นดิน การกระทำของจำเลยชี้ให้เห็นเจตนาของจำเลยว่ามีเจตนาฆ่าเด็กชายนิพลเพราะการที่จำเลยจับเด็กชายนิพลซึ่งมีอายุเพียงเดือนเศษกระแทกลงไปที่อกนางจำปีนั้น เป็นเหตุให้เด็กชายนิพลเกิดอาการบวมที่หน้าและที่ศีรษะ หายใจขัด แล้วถึงแก่ความตายในตอนค่ำวันนั้นเอง การที่จำเลยกระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำและย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น เป็นการกระทำโดยเจตนา จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288

พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share