แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ที่บุกเบิกก่อนสร้างเข้าครอบครองที่ดินซึ่งมิใช่สาธารณสมบัติของแผ่นดินเมื่อ พ.ศ.2496-2497 แม้จะไม่มีใบเหยียบย่ำถ้าได้แจ้งการครอบครองตามแบบ ส.ค.1 เมื่อ พ.ศ.2498 ตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497มาตรา 5 แล้ว ย่อมมีสิทธิครอบครองในที่ดินทางราชการย่อมไม่มีอำนาจที่จะไปปักหลักเขตและประกาศให้เป็นหนองสาธารณะได้ถ้าทำไปย่อมเป็นการรบกวนสิทธิครอบครองผู้ครอบครองมีสิทธิขอห้ามได้
ย่อยาว
คดี 2 สำนวนนี้ โจทก์ต่างคนกันฟ้องจำเลยทั้งสอง ศาลทำการพิจารณาและพิพากษารวมกัน
สำนวนแรก โจทก์ฟ้องว่า เมื่อ พ.ศ. 2497 โจทก์บุกเบิกป่าพงหมู่ที่ 5 ตำบลนายม อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ เนื้อที่50 ไร่ ได้แจ้งการครอบครองและจ้างคนขุดบ่อปลา วันที่ 5 กุมภาพันธ์2504 จำเลยที่ 2 กับคณะกรรมการหลายนายซึ่งถูกแต่งตั้งโดยจำเลยที่ 1ได้ปักหลักเขตล้อมรอบบ่อปลาของโจทก์ เป็นเนื้อที่ 16 ไร่ แล้วจะประกาศว่าบ่อปลาของโจทก์เป็นที่สาธารณะ ขอให้พิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองและสั่งห้ามจำเลย
สำนวนหลัง โจทก์ฟ้องว่า โจทก์บุกเบิกป่าพงหมู่ 5 ตำบลเดียวกันเนื้อที่ 50 ไร่ เจ้าหน้าที่ได้ออกใบเหยียบย่ำให้เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2496 โจทก์ได้มอบให้นางกุหลาบครอบครองทำประโยชน์แทนจ้างคนขุดและขยายบ่อปลา ได้เสียภาษีบำรุงท้องที่และแจ้งการครอบครองได้รับ ส.ค.1 แล้ว ครั้นวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2504 จำเลยที่ 2 กับคณะกรรมการซึ่งถูกแต่งตั้งโดยจำเลยที่ 1 ได้ปักหลักเขตล้อมรอบบ่อปลาของโจทก์เป็นเนื้อที่ 9 ไร่ แล้วจะประกาศว่าบ่อปลาโจทก์เป็นที่สาธารณะ ขอให้พิพากษาเช่นเดียวกับสำนวนแรก
จำเลยทั้งสองร่วมกันให้การต่อสู้คดีทั้งสองสำนวนอย่างเดียวกันคือ ต่อสู้ว่าที่พิพาทสำนวนแรกเรียกว่า “หนองม่วง” สำนวนหลังเรียกว่า “หนองกอก” โจทก์ทั้งสองเข้าครอบครองที่พิพาทโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะมิได้ขอตราจองว่าได้ทำประโยชน์แล้ว ใบเหยียบย่ำและ ส.ค.1 ของโจทก์ไม่มีผล ที่พิพาทเป็นหนองสาธารณะ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า หนองพิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์มิได้ร้องขอต่ออำเภอเพื่อให้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ภายใน 180 วัน ตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 7 วรรค 1 และ 2 ที่ดินที่โจทก์ครอบครองจึงปลอดจากการจับจอง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า หนองพิพาททั้งสองไม่เป็นหนองสาธารณะแต่นายสนั่นโจทก์ได้บุกเบิกที่พิพาทเมื่อ พ.ศ. 2497 โจทก์ไม่ได้ปฏิบัติในการขอจับจองตามพระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2479 การครอบครองของนายสนั่นโจทก์จึงหาใช้ยันเจ้าหน้าที่ของทางราชการได้ไม่ แม้จะได้แจ้ง ส.ค.1 ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 5 ก็หาได้ก่อให้เกิดสิทธิอย่างใดขึ้นใหม่ไม่ ส่วนนางสำฤทธิ์โจทก์ได้ขอจับจองได้รับใบเหยียบย่ำตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2496 แต่มิได้ขอคำรับรองว่าได้ทำประโยชน์แล้วภายใน 180 วัน จึงไม่มีอำนาจใช้ยันจำเลยผู้เป็นเจ้าหน้าที่ของทางราชการได้ พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสองสำนวนฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า หนองม่วง และหนองนกอกไม่ใช่หนองสาธารณะโจทก์ทั้งสองได้บุกเบิกก่นสร้างที่ดินบริเวณรอบหนองและรวมทั้งหนองพิพาททั้งสองแห่ง นายสนั่นโจทก์เข้าครอบครองที่พิพาทรอบหนองม่วงและรวมทั้งหนองม่วงเมื่อ พ.ศ. 2497 ด้วยการเข้าครอบครองโดยไม่มีใบเหยียบย่ำ นางสำฤทธิ์โจทก์ได้เข้าครอบครองที่ดินบริเวณหนองนกอกและรวมทั้งหนองกอกด้วยโดยได้รับใบเหยียบย่ำเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2496 แล้ว โจทก์ทั้งสองได้แจ้งการครอบครอง ส.ค.1 เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2498พร้อมกันทั้งสองราย อันเป็นการปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 5 ครบถ้วนถูกต้องแล้วโจทก์ทั้งสองจึงมีสิทธิครอบครองในหนองพิพาททั้งสองแห่งโดยชอบด้วยกฎหมาย ทางราชการไม่มีอำนาจที่จะไปปักหลักเขตและประกาศให้หนองพิพาททั้งสองแห่งเป็นหนองสาธารณะได้ การที่จำเลยได้กระทำไปจึงเป็นการรบกวนสิทธิครอบครองของโจทก์ทั้งสอง โจทก์ทั้งสองมีสิทธิขอห้ามได้
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า หนองม่วง หนองนกอกที่พิพาทไม่ใช่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ห้ามจำเลยรบกวนสิทธิครอบครองของโจทก์ทั้งสอง