แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทำสัญญากู้เงินแล้วมอบที่ดินให้ยึดถือไว้เป็นประกันในสัญญามีข้อความว่า ถ้า 2 เดือนไม่นำเงินมาให้เป็นอันว่า ที่ดินที่กล่าวข้างบนนี้ขาดกัน เงื่อนไขตอนหลังนี้เป็นลักษณะแห่งการเอาทรัพย์สินเป็นการชำระหนี้แทนเงินที่กู้ยืม ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 656 ข้อสัญญาย่อมเป็นโมฆะตาม มาตรา 656 วรรคสาม ส่วนที่จะให้แปลสัญญาว่า เมื่อไม่ชำระหนี้ผู้กู้จะโอนที่ดินให้เป็นการชำระหนี้แทนตัวเงินกู้นั้น โจทก์ต้องนำสืบให้เห็นเจตนาของคู่กรณีว่ามีดังนั้น (อ้างฎีกาที่ 1237/2491)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กู้เงินโจทก์และมอบโฉนดที่ดินเนื้อที่ 9 ไร่ 2 งาน 8 วา มีชื่อนายไซสามีจำเลยกับจำเลยให้ยึดถือไว้และแบ่งนารายนี้มีเนื้อที่ 6 ไร่ 2 งานให้ทำต่างดอกเบี้ยครั้นต่อมาจำเลยได้ทำหนังสือกู้ใหม่ ขอกู้ต่อไปอีก 2 เดือน ถ้า2 เดือนไม่นำเงินมาชำระให้ ยอมยกที่ดิน 6 ไร่ 2 งานให้เป็นสิทธิครั้นถึงกำหนดจำเลยไม่ชำระเงิน จำเลยบิดพริ้วไม่ยอมโอนแก้ทะเบียนที่ดิน จึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยแบ่งแยกที่โฉนดให้โจทก์ เนื้อที่ 6 ไร่ 2 งาน หรือแสดงว่า ที่นาส่วนนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าไม่ยอมตกลงยกที่ให้โจทก์แม้ตกลงเช่นนั้น ก็ใช้ไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113, 1299 วันพิจารณาโจทก์ส่งสัญญาฉบับหลัง จำเลยยอมรับว่าสัญญากู้ฉบับนั้นเป็นเอกสารที่แท้จริง ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไม่สืบพยานต่อไป ศาลชั้นต้นเห็นว่า ข้อความในสัญญากู้เป็นคำมั่นจะซื้อขาย ย่อมมีผลเป็นการซื้อขาย พิพากษาให้โจทก์ชนะคดีศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อความในสัญญาข้อ 2 มีความว่า “ในจำนวนเงินซึ่งข้าพเจ้าได้กู้หนี้ไปนี้ข้าพเจ้าได้นำที่ดินยกให้ เนื้อที่ดินประมาณ 6 ไร่ 2 งาน ถ้า 2 เดือนไม่นำเงินมาให้เป็นอันว่าที่ดินที่กล่าวข้างบนนี้ขาดกัน ให้ท่านยึดไว้เป็นประกันด้วย” ศาลฎีกาเห็นว่า สัญญานี้เป็นสัญญากู้เงิน แต่ผู้กู้ได้มอบที่ดินให้ไว้เป็นประกัน และมีเงื่อนไขว่า ถ้าไม่ชำระหนี้ภายใน 2 เดือน ยอมให้ที่ดินนั้นขาดกัน ตามเงื่อนไขตอนหลังนี้ เป็นลักษณะแห่งการเอาทรัพย์สินเป็นการชำระหนี้แทนเงินที่กู้ยืม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 656 ข้อสัญญาย่อมเป็นโมฆะตามมาตรา 656 วรรค 3 ส่วนที่จะให้แปลว่า เมื่อถึง 2 เดือนแล้ว ยังไม่ชำระหนี้ ผู้กู้จะโอนที่ดินให้เป็นการชำระหนี้เงินกู้แทนตัวเงินนั้น โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นเจตนาของคู่กรณีว่าได้ตกลงให้มีความหมายเช่นนั้นฎีกาจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง