แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยส่งเอกสารหมาย ล.1 ถึง ล.14 ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญแห่งคดีประกอบคำเบิกความพยานบุคคลของจำเลยต่อศาล โดยไม่ยื่นสำเนาต่อศาลและไม่ส่งสำเนาให้โจทก์ก่อนวันสืบพยานและส่งสำเนาเอกสารหมาย ล.11/6 เป็นพยานต่อศาล เมื่อศาลแรงงานกลางเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จำเป็นต้องสืบพยานเอกสารหมาย ล.1ถึง ล.14 อันเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี จึงสั่งรับเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานของจำเลย และรับฟังสำเนาเอกสารหมาย ล.11/6 ประกอบคำเบิกความของพยานจำเลย ย่อมเป็นการสั่งรับโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯมาตรา 45 วรรคหนึ่ง ที่บัญญัติให้อำนาจไว้โดยเฉพาะการสั่งรับและรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายเงิน5,101,972.94 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์อุทธรณ์ประการแรกว่า จำเลยส่งเอกสารหมาย ล.1 ถึง ล.14 ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญในคดีต่อศาลแรงงานกลางเพื่อประกอบคำเบิกความของพยานจำเลยโดยไม่ยื่นสำเนาเอกสารดังกล่าวต่อศาลและไม่ส่งสำเนาให้โจทก์ก่อนวันสืบพยาน โจทก์คัดค้านการอ้างส่งเอกสารของจำเลยแล้วและต้นฉบับเอกสารหมาย ล.11/6 อยู่ในความครอบครองของจำเลยแต่จำเลยไม่ส่งต้นฉบับเอกสารดังกล่าวต่อศาล ศาลแรงงานกลางสั่งรับเอกสารหมาย ล.1 ถึง ล.14 และรับฟังสำเนาเอกสารหมายล.11/6 ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 45 วรรคหนึ่งบัญญัติว่า “เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมในอันที่จะให้ได้ความแจ้งชัดในข้อเท็จจริงแห่งคดี ให้ศาลแรงงานมีอำนาจเรียกพยานหลักฐานมาสืบได้เองตามที่เห็นสมควร” ซึ่งบทบัญญัติดังกล่าวให้อำนาจศาลแรงงานไว้โดยเฉพาะที่จะเรียกพยานหลักฐานใด ๆ มาสืบและมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานใด ๆ ที่เห็นว่าจะทำให้ได้ความชัดแจ้งในข้อเท็จจริงแห่งคดีและการให้ได้ความชัดแจ้งดังกล่าวนั้นเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมแก่คู่ความจำเลยส่งเอกสารหมาย ล.1 ถึง ล.14 ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญแห่งคดีประกอบคำเบิกความพยานบุคคลของจำเลย โดยไม่ยื่นสำเนาต่อศาลและไม่ส่งสำเนาให้โจทก์ก่อนวันสืบพยานและส่งสำเนาเอกสารหมาย ล.11/6 เป็นพยานต่อศาลศาลแรงงานกลางเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นต้องสืบพยานเอกสารหมาย ล.1 ถึง ล.14 อันเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี จึงสั่งรับเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานของจำเลยและรับฟังสำเนาเอกสารหมาย ล.11/6 ประกอบคำเบิกความพยานจำเลยซึ่งศาลแรงงานกลางสั่งรับเอกสารไว้และรับฟังสำเนาเอกสารของจำเลยเพราะเห็นว่าเป็นเอกสารที่จะทำให้ได้ความชัดแจ้งในข้อเท็จจริงแห่งคดีและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมแก่คู่ความนั้นเอง เป็นการสั่งรับโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 45 วรรคหนึ่ง ที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะจึงเป็นการสั่งรับและรับฟังพยานหลักฐานโดยชอบด้วยกฎหมายอุทธรณ์โจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น…” ฯลฯ
พิพากษายืน