แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่โจทก์จ้างนักดนตรี นักร้องมาบรรเลงและขับร้องเพลงไทยเดิมซึ่งตกเป็นสมบัติสาธารณะ อัดเทปขายแก่บรรดาครูที่มาอบรมนาฏศิลป์ และแก่บุคคลทั่วไปเพื่อใช้สอนนักเรียนและเป็นการเผยแพร่ดนตรีไทยโดยมิได้แสดงสงวนสิทธิในม้วนเทปนั้น ๆ และจำเลยก็เป็นแต่เพียงผู้รับจ้างอัดเพลงจากเทปที่โจทก์อัดขายนั้นลงในเทปของผู้นำมาว่าจ้างให้อัด มิใช่จำเลยอัดและนำออกจำหน่ายเองแต่อย่างใด จึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ว่าจ้างนักดนตรีไทยกรมศิลปากรประมาณ ๑๐ คน รวมกันขึ้นเป็นวงดนตรีปี่พาทย์ไม้นวม บรรเลงเพลงไทยเดิมหลายสิบเพลง โจทก์อัดเทปเพลงเหล่านั้นไว้จำหน่ายแก่บุคคลทั่วไป เพลงไทยเดิม ๔ เพลง ชื่อ ขึ้นพลับพลา สร้อยเพลง เขมรเอวบาง และพม่าเห่ ก็เป็นเพลงที่โจทก์อัดในครั้งนั้นด้วย จำเลยละเมิดสิทธิของโจทก์ โดยลักลอบอัดเทปเพลงไทยเดิม ๔ เพลงดังกล่าวจากเทปโจทก์ออกจำหน่ายแก่บุคคลทั่วไป โจทก์ได้รับความเสียหายโดยจำหน่ายเทปที่อัดไว้ได้น้อยลง ขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหาย ๑๐,๐๐๐ บาท และห้ามจำเลยจำหน่ายเทปดังกล่าวอีกต่อไป
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้ลักลอบอัดเพลงไทยเดิม ๔ เพลงดังโจทก์ฟ้อง โจทก์ไม่มีสิทธิใด ๆ ในเพลงหรือเทปตามฟ้อง จำเลยไม่เคยขายเทปเพลงให้ครูประชาบาล เป็นแต่เพียงจำเลยรับจ้างบันทึกเพลงให้บุคคลที่มีเทปเพลงมาว่าจ้าง ได้ค่าบันทึกเพียง ๒๐ บาท จำเลยไม่ได้จำหน่ายให้แก่บุคคลทั่วไป การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยรับจ้างอัดเพลงตามฟ้องจากเทปที่โจทก์จัดจำหน่าย เป็นการละเมิดต่อโจทก์ พิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย ๕,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่โจทก์จ้างนักดนตรี นักร้องมาบรรเลงและขับร้องเพลงไทยเดิมซึ่งตกเป็นสมบัติสาธารณะ อัดเทปขายแก่บรรดาครูที่มารับการอบรมนาฏศิลป์และแก่บุคคลทั่วไปเพื่อสอนนักเรียนและเป็นการเผยแพร่ดนตรีไทยโดยมิได้แสดงสงวนสิทธิในม้วนเทปนั้น ๆ และจำเลยก็เป็นแต่เพียงผู้รับจ้างอัดเพลงจากเทปที่โจทก์อัดขายนั้นลงในเทปของผู้นำมาว่าจ้างให้อัด มิใช่จำเลยอัดและนำออกจำหน่ายเองแต่อย่างใด จึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์
พิพากษายืน