คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 846/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นหญิงมีภาระต้องเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงน้องให้ได้รับการศึกษาชั้นมหาวิทยาลัย และส่งเงินเลี้ยงบิดามารดา.จำเลยรักใคร่ได้เสียกับผู้ตายจนจำเลยตั้งครรภ์ ผู้ตายก็ตีตนออกห่าง ไม่ยอมพบ. จำเลยโทรศัพท์ไปหลายครั้งก็ไม่ยอมพูดด้วย. วันเกิดเหตุจำเลยได้ไปคอยพบผู้ตายและพูดเรื่องที่จำเลยมีครรภ์. ผู้ตายว่าจำเลยว่า บอกให้เอาออกก็ไม่เอาออก. ผู้ตายไม่ยอมรับว่าเป็นพ่อเด็ก.ทั้งยังว่าจำเลยว่า อยากหน้าด้านไปหาผู้ตายเองและว่าพ่อแม่จำเลยไม่สั่งสอนให้ดี. อันเป็นการดูถูกเหยียดหยามกดขี่ข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม. จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายในขณะนั้น เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจมีอาวุธปืนรีวอลเวอร์ขนาด .22หนึ่งกระบอกกับกระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 9 นัด ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมาย และจำเลยได้บังอาจเป็นคนร้ายใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงนายประยงค์หรือวรา ศรจิตติ 3 นัดโดยจำเลยมีเจตนาฆ่านายประยงค์ เนื่องจากนายประยงค์รักใคร่กับจำเลยฐานชู้สาวและได้เสียกับจำเลยจนตั้งครรภ์แล้วไม่รับเลี้ยงดู จำเลยโกรธแค้นจึงหาปืนมายิง เป็นการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนนายประยงค์ได้ถึงแก่ความตายเพราะพิษบาดแผลที่จำเลยยิง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2501 มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) จำเลยให้การรับว่าใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายเพราะบันดาลโทสะเนื่องจากผู้ตายรักชอบได้เสียกับจำเลยทางชู้สาวจนจำเลยมีครรภ์ผู้ตายปฏิเสธไม่ยอมรับว่ามีครรภ์กับผู้ตาย ทั้งแสดงอาการดูหมิ่นทำลายจิตใจจำเลยอย่างร้ายแรง ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่าจำเลยมีอาวุธปืนกับกระสุนปืนดังฟ้อง จำเลยใช้อาวุธปืนนั้นยิงผู้ตายโดยมิใช่ไตร่ตรองไว้ก่อนมิใช่บันดาลโทสะ พิพากษาว่ามีความผิดฐานที่อาวุธปืนกับกระสุนปืนตามบทกฎหมายที่ขอให้ลงโทษ และฐานฆ่าผู้ตายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ให้ลงโทษตามความผิดอันดับหลัง ซึ่งเป็นกระทงหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ให้จำคุก 15 ปี คำรับสารภาพชั้นสอบสวนและชั้นศาลของจำเลยเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามมาตรา 72หนึ่งในสาม คงเหลือโทษจำคุก 10 ปี จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยยิงผู้ตายโดยบันดาลโทสะ พิพากษาแก้เป็นว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 72ซึ่งเป็นกระทงหนักที่สุด จำคุก 3 ปี คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยไม่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ไม่มีเหตุควรลดโทษ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยเป็นหญิงมีภาระต้องเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงน้องให้ได้รับการศึกษาขั้นมหาวิทยาลัย และต้องส่งเงินเลี้ยงบิดามารดา จำเลยรักใคร่ได้เสียกับผู้ตายจนจำเลยตั้งครรภ์ จำเลยขอให้จดทะเบียนสมรส ผู้ตายก็เพิกเฉย ตีตนออกห่างไม่ยอมพบ จำเลยติดต่ออ้อนวอนไปทางโทรศัพท์หลายครั้ง ผู้ตายก็ไม่ยอมพูดด้วย วันเกิดเหตุจำเลยได้ไปคอยพบผู้ตายและพูดกับผู้ตายเรื่องมีครรภ์ ผู้ตายว่าบอกให้เอาออกก็ไม่เอาออก จำเลยว่าผู้ตายเป็นคนทำมิใช่จำเลยก่อเรื่องขึ้น ผู้ตายว่าจำเลยใจกล้าเองแล้วยังมาพูดมากจำเลยว่าไม่รู้ว่าผู้ตายจะเป็นคนใจสัตว์อย่างนี้ ผู้ตายว่าสันดานผู้ชายเป็นอย่างนั้นเอง อยากหน้าด้านมาหาเขาเอง เรื่องเด็กนั้นไม่รับเป็นพ่อแน่ถ้าอยากมีพ่อก็ประกาศหนังสือพิมพ์หาเอาเอง และว่าจำเลยว่าพ่อแม่สั่งสอนไม่ดีที่ผู้ตายกล่าวดังนี้เป็นการดูถูกเหยียดหยามกดขี่ข่มเหงอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยเอาปืนยิงผู้ข่มเหงในขณะนั้นนับว่ากระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 พิพากษายืน.

Share