แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ร่วมขับรถยนต์โดยประมาททับเท้าซ้ายของจำเลยโดยมิได้มีเจตนาใช้กำลังทำร้ายรังแกหรือแกล้งทำความเดือดร้อนให้จำเลยถือไม่ได้ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมอันจะอ้างเหตุบันดาลโทสะได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 339, 83 และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์6,300 บาท แก่เจ้าของ
ระหว่างพิจารณา นายแวว คงเพชร ผู้เสียหายที่ 1ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 ประกอบมาตรา 72 ให้จำคุก 3 เดือนส่วนคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์ร่วมและจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้แย้งกันฟังได้ยุติว่า คืนเกิดเหตุจำเลยกับบุคคลอื่น ๆ อีกหลายคนกลับจากเวียนเทียนที่วัดหัวคุ้ง ได้ขึ้นรถยนต์กระบะโดยสารรับจ้างซึ่งโจทก์ร่วมเป็นผู้ขับ ผู้เสียหายที่ 2เป็นผู้เก็บค่าโดยสาร มาถึงที่เกิดเหตุปากทางเข้าบ้านท่าเข็นตำบลคลองแดน อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา โจทก์ร่วมจอดรถเพื่อให้จำเลยและผู้โดยสารอื่นลง ระหว่างนั้นโจทก์ร่วมได้ออกรถเคลื่อนไปข้างหน้าเล็กน้อย มีเสียงจำเลยร้องด่ามาจากทางท้ายรถแล้วเกิดการทำร้ายกันปรากฏว่าจำเลยได้รับบาดเจ็บสาหัส กระดูกฝ่าเท้าชิ้นที่ 5 ด้านซ้ายหัก ส่วนโจทก์ร่วมได้รับบาดเจ็บที่แก้มด้านซ้ายต่อมาโจทก์ร่วมถูกฟ้องที่ศาลแขวงสงขลาว่าขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้จำเลยได้รับอันตรายสาหัส ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษโจทก์ร่วมไปแล้ว คดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่าจำเลยทำร้ายร่างกายโจทก์ร่วมโดยบันดาลโทสะหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ทำร้ายร่างกายโจทก์ร่วมเพราะความโกรธที่โจทก์ร่วมขับรถยนต์ทับนิ้วเท้าของจำเลย ดังคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น แต่ที่ศาลชั้นต้นฟังว่าการกระทำของจำเลยเป็นบันดาลโทสะนั้นเห็นว่า โจทก์ร่วมขับรถยนต์โดยประมาททับเท้าซ้ายของจำเลย โดยมิได้มีเจตนาใช้กำลังรังแกหรือแกล้งทำความเดือดร้อนให้จำเลย ถือไม่ได้ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจะอ้างเหตุบันดาลโทสะหาได้ไม่ อย่างไรก็ดีที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือน โดยไม่รอการลงโทษนั้นศาลฎีกาเห็นว่าหนักไป และเมื่อพิเคราะห์ถึงพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่า จำเลยมีอายุมากถึง 73 ปีแล้วมีโรคประจำตัวเส้นโลหิตตีบ เป็นอัมพาต เหตุเกิดขึ้นเนื่องจากโจทก์ร่วมมีส่วนก่อขึ้นก่อนทำให้จำเลยได้รับอันตรายถึงสาหัส จึงได้ทำร้ายโจทก์ร่วมในขณะนั้นด้วยความโกรธโดยไม่มีเจตนาร้ายมาก่อน อาวุธที่จำเลยใช้เป็นเพียงกระบอกไฟฉายซึ่งไม่ใช่อาวุธโดยสภาพ โจทก์ร่วมได้รับบาดเจ็บไม่มากรักษาเพียง 7 วัน ก็หายเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยสักครั้งหนึ่ง จึงให้รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 ให้จำคุก 1 เดือน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56